EasyBlog

This is some blog description about this site
รีวิว Mikawaya Honten เรียวกังทำเลดีที่ Asakusa

สวัสดีครับเพื่อนๆ!!! ขอต้อนรับสู่ฤดูใบไม้ร่วงกันครับ แม้ว่าเดือนนี้อาจจะเป็นเดือนแห่งความเศร้ากันสักหน่อย แต่ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดและตั้งใจอดออมอย่างเต็มที่เพื่อเป็นรางวัลชีวิตเวลาพักผ่อนนะครับ ^^ สำหรับวันนี้จะเป็นการรีวิวเรียวกังแบบง่ายๆสไตล์โอทารุให้เพื่อนๆได้อ่านเป็นข้อมูลประกอบการจองหรือจะอ่านเพลินๆก็ไม่ว่ากัน เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยคร้าบบบ

เรียวกังที่จะมารีวิวในวันนี้ ตั้งอยู่ในย่านที่ "คนทั้งโลก" ยังไงก็ต้องมา เพราะย่านที่ว่านี้ก็คือย่าน Asakusa นั่นเอง!! ขอบอกสั้นๆเลยว่าย่านนี้คือย่านที่เก่าแก่ที่สุดย่านหนึ่งของกรุงโตเกียวเลยนะครับ แต่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจนปัจจุบันก็กลายเป็นแลนมาร์คอันดับต้นๆของการมาเที่ยวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้เพราะย่านนี้มีวัดที่เก่าแก่มากๆอย่าง วัด Sensoji หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าวัด Asakusa นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีของกินอร่อยๆและแหล่งช็อปปิ้งอีก เรียกได้ว่ามาย่าน Asakusa ก็ครบเครื่องไม่แพ้ย่านอื่นๆเลยครับ

สำหรับเรียวกังที่ผมได้มีโอกาสไปพัก มีนามว่า Mikawaya Honten ครับ เป็นเรียวกังขนาดเล็กตั้งอยู่ติดกับถนนละลายทรัพย์ Nakamise-dori ซึ่งมันก็คือถนนที่เราๆท่านๆใช้เดินเข้าไปที่วัด Sensoji นั่นเองครับ! ว่าแล้วก็เอาแผนที่ของเรียวกังแห่งนี้ไปดูกันก่อนเลย

ที่มา https://web.travel.rakuten.co.jp/HOTEL/44938/44938map_e.gif

จะเห็นได้ว่ามันติดจริงๆครับ คือเข้าซอยที่อยู่ติดถนนช็อปปิ้งมานิดเดียวก็เจอเลย โดยประตูทางเข้าจะมีหน้าตาแบบนี้ซึ่งหาง่ายครับเพราะเขาตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นจริงๆ

ตอนที่ผมเข้าไปพักนั้น พนักงานเป็นคุณป้ามีอายุหน่อย พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยดีนัก แต่ก็บอกไปว่า Check-in นะ ว่าแล้วผมก็ยื่นใบจองที่พักที่เป็นภาษาญี่ปุ่นให้ ป้าก็เข้าใจทันที (แหงล่ะ ก็ป้าเป็นคนญี่ปุ่นนี่ครับ) พร้อมกับมือและชี้นิ้วที่นาฬิกาและพูดเป็นประโยคปฏิเสธเกี่ยวกับเวลา ซึ่งผมก็เข้่าใจทันทีว่าคุณป้าหมายถึง "หนูมาเช็คอินเร็วไป นี่เพิ่ง 10 โมง ค่อยกลับมาใหม่ตอนบ่ายนะ" (คือ ในใบจองก็เขียนอยู่ว่าต้องมาบ่ายสามโน่น) จากนั้นผมก็บอกป้าว่าฝากกระเป๋าไว้ก่อนนะครับ ซึ่งก็เข้าใจกันดีโดยไม่ต้องใช้แกรมม่าอะไรทั้งสิ้นครับ แล้วผมก็ออกไปเดินเล่นสำรวจวัด Sensoji กับเดินหาอะไรทานเล่นๆจนกระทั่งบ่ายสามก็เดินย้อนกลับมาเช็คอินครับ อ่ะ เอาหน้าตา Front ไปครับ

(รูปแทนจากเว็บไซต์ Agoda ครับ ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายมาด้วยตนเอง)

เมื่อได้กุญแจห้องพักมาแล้ว เราก็ขึ้นลิฟต์ตัวจิ๋วสู่ชั้นบนครับ ห้องพักที่ผมได้พักนั้น เป็นห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นจริงๆ คือ นอนบนฟูก (ฟุตอง) และพื้นห้องปูด้วยเสื่อตาตามิ! ซึ่งใครที่ยังไม่เคยมาญี่ปุ่นเลยแล้วได้ลองมานอนที่นี่เป็นที่แรกน่าจะตื่นเต้นนะครับเพราะแม้ว่าที่นอนจะดูเหมือนนอนไม่สบายแต่เอาจริงๆก็หลับปุ๋ยเลยล่ะ ^^

ขนาดของห้องพักจะอยู่ที่ 10 ตารางเมตรนะครับ แต่ก็มีห้องน้ำในตัวและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานมีตามสมควร คือ ทีวี โต๊ะเล็กๆ กล่องเก็บของ กระดาษชำระ ถังขยะ ราวตากผ้า กาต้มน้ำ นาฬิกาปลุก พร้อมแอร์และฮีทเตอร์ในตัวครับ (มันก็คือแอร์ที่สามารถปรับโหมดเป็นพ่นลมร้อนแบบฮีทเตอร์ได้นั่นแหละครับ ไม่ต้องสับสน) เดี๋ยวไล่ดูรูปกันเลยนะครับ 

ห้องน้ำอาจจะดูเล็กสักนิดสำหรับมือใหม่หัดพัก แต่อย่างน้อยส้วมที่นี่ก็ Auto นะจ๊ะ!!! ส่วนอ่างอาบน้ำขนาดกะทัดรัดนั้น แช่ได้จริงนะครับแต่ลงไปแช่ได้คนเดียวเน้อ!

ที่ดูเก๋ๆสำหรับแขกผู้เข้าพักชาวไทย คือ ที่นี่มีชุดยูกาตะให้และเราสามารถใส่ชุดยูกาตะที่ว่านี้นอนได้เลยและก็ใส่เดินเล่นในเรียวกังได้ครับ ส่วนการใส่ออกไปข้างนอกนั้น บางคนบอกว่าได้ บางคนก็บอกว่าไม่ควร แต่ส่วนตัวผมขอบอกว่า "ขึ้นอยู่กับที่พักครับ" แต่ที่เรียวกังแห่งนี้ผมไม่ได้ใส่ออกข้างนอก เพราะชุดบางมาก อุณหภูมิข้างนอกตอนใบไม้ร่วงนั้นราวๆ 17 องศาครับ ใส่ไปก็บายยยย เจอกันร้ายขายยาจ้า!

อย่างไรก็ตาม โชคดียังเป็นของผมอยู่ครับ เพราะสืบทราบมาว่าที่เรียวกังแห่งนี้สามารถมองเห็น Tokyo Sky Tree ซึ่งเป็นหอคอยชมวิวที่กิ๊บเก๋และเป็นหอคอยที่สูงที่สุดของญี่ปุ่นแถมติดอันดับโลกด้วยล่ะ แน่นอนว่า ผมก็ได้รีเควสทางที่พักว่า ขอห้องที่มีวิว Sky Tree นะครับ ซึ่งผลที่ได้ก็คือ.....

 

เฮ้ย!!! ไม่เลววุ้ย! นับว่าเขายังใส่ใจเรานะเนี่ย 555 ใช่ครับ ห้องที่ผมได้ เปิดหน้าต่างออกมาก็จ๊ะเอ๋ Tokyo Sky Tree เลยครับ ดีใจๆ

เมื่อทำการถ่ายภาพห้องพักและเก็บของแล้ว ผมก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ Ueno ในตอนเย็นครับ ทั้งนี้ขอบอกว่าช่วงที่ผมไปนั้นเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนซึ่งจะมืดเร็วมากกว่าบ้านเรา คือประมาณ 5 โมง พระอาทิตย์ก็หมดแสงแล้วครับ ดังนั้นใครที่มาช่วงเดียวกันก็คำนวณเวลาเที่ยวให้ดีล่ะ...หลังจากที่ผมเดินเล่นไปพักใหญ่เรื่อยเปื่อยก็กลับมาที่พักในตอนค่ำแล้วได้เจอกับหน้าตาของที่พักแบบเปิดไฟครับ ก็ classic ดีนะผมว่า อิอิ

ในทริปนี้แม้ผมจะนอนที่เรียวกังแห่งนี้เพียงคืนเดียว แต่ผมก็ได้รับความสบายจากการนอนฟูกแบบญี่ปุ่นและนอนหลับอย่างเต็มอิ่มครับ พอตื่นเช้ามาก็เป็นเช้าที่สดใสและฟ้าเปิดมากๆ ทำให้ผมต้องตื่นจากความอุ่นสบายในห้อง (เพราะตอนเช้า อุณหภูมิด้านนอกราวๆ 10 องศาครับ ผมปรับฮีทเตอร์ไว้ 24 องศา) แล้วคว้ากล้องไปถ่ายภาพตอนที่ไม่มีคนพลุกพล่าน+ร้านรวงยังไม่เปิดนี่แหละ ซึ่งผลที่ได้ก็ถือว่า "ปลื้มใจ" เพราะแทบไม่มีคนจริงๆครับ รถทัวร์ยกทัพนักท่องเที่ยวยังไม่บุก ร้านรวงยังไม่เปิดสักร้าน มีแต่ซาลารีมังเดินไปทำงาน สาวญี่ปุ่นจูงสุนัขเดินเล่น หรือไม่ก็เจอนักท่องเที่ยวแบบผมบ้างประปรายครับ ดูภาพได้เลยว่า ก่อน 7 โมงน่ะ ถ่ายรูปสบ๊ายสบาย ^^

ไงครับ ปกติประตูนี้คนเป็นพันนะครับ แต่ตื่นเช้ามาเป็นกำไรชีวิตครับ ต้องลองนะ ^^

และเมื่อผมได้ถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้วก็เดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อเก็บของและเตรียมตัวเช็คเอาท์ต่อ เพราะวันนี้ผมจะเดินทางไปเที่ยวที่โยโกฮาม่าและต้องเปลี่ยนโรงแรมครับ ก็ต้องขอจบการรีวิวแบบสั้นๆไปเพียงเท่านี้ ส่วนด้านล่างผมทำ quick fact และสรุปให้แล้วครับ เพื่อนๆจะได้อ่านสบายๆ

สรุป : เรียวกังแห่งนี้มีทำเลที่ตั้งที่ถือว่าดีมากๆ เพราะติดวัด Sensoji + ถนนละลายทรัพย์ ใครซื้อของฝากไม่ต้องกังวลเลยครับ ที่นี่ครบแน่นอน ส่วนราคาห้องพักที่ผมจ่ายไปในครั้งนี้ อยู่ที่ 3,800 บาท/คืน/ห้อง  และเรทนี้เป็นเรทสองคน (เรทคนเดียวจะถูกกว่านี้ครับ) มีห้องน้ำในตัวและนอนฟูกแบบสไตล์ญี่ปุ่นครับ ฟังดูอาจจะแพงแต่ก็เป็นเรียวกังที่ติดย่านท่องเที่ยวอ่ะนะ แต่เท่าที่ผมเช็คราคาดู ถ้าเจอดีลดีๆ ราคาก็เหลือสามพันต้นๆนะครับ ของแบบนี้ต้องลองหาโปรโมชั่นกันหน่อยเนอะ ส่วนการเดินทางไปย่านอื่นๆ ถือว่าสะดวกเพราะมีรถไฟใต้ดินผ่านถึงสองสายแถมเดินไม่ไกลจากเรียวกังนี้ด้วยครับ (เดินราวๆ 5 นาที ถ้าเอาแบบรู้ทางแล้ว) ที่สำคัญ สถานีรถไฟใต้ดิน Asakusa ยังมีรถไฟเร็วสู่สนามบินนาริตะแบบวิ่งยาวไม่ต้องเปลี่ยนขบวนด้วยนะ! ใช้เวลาประมาณ 70 นาทีก็ถึงพร้อมค่ารถไฟราวๆ 1,280 เยนเท่านั้น ก็นับว่าสะดวกสบายในระดับนึงเลยครับ ยังไงก็ลองเก็บไว้เปรียบเทียบกับที่อื่นดูนะครับ หวังว่ารีวิวนี้จะช่วย Build ให้เพื่อนๆอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นกันนะ แล้วพบกันใหม่กับบล็อกหน้าคร้าบบบ

Quick Fact :

เช็คอิน 07:00-23:00 น. (Front ไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง)

เช็คเอาท์ 07:00-10:00 น. ขอย้ำว่า "ไม่ใช่เที่ยงแบบบ้านเรา" ดังนั้นอย่านอนเพลินนะครับ

ห้องพักทั้งเรียวกัง มีแค่ 15 ห้อง แต่บางห้องก็นอนได้ 3 คน

ไม่มีออนเซน(บ่อน้ำร้อน)ให้แช่

ไม่มีที่จอดรถ-->ใครเช่ารถ "เปลี่ยนที่นอนเลย" ไม่ก็ไปส่องหาที่จอดรถใกล้ๆเถอะครับ แต่ที่จอดในโตเกียวแพงนะบอกก่อน!

มีตู้ซักผ้าและอบผ้า พร้อมกับโต๊ะทานข้าวที่ล้อบบี้+ไมโครเวฟและตู้กดน้ำดิ่มอัตโนมัติ

แถวๆเรียวกังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ธนาคาร รวมทั้งร้านขวัญใจชาวไทย Matsumoto Kiyoshi ด้วยครับ!!!

ติดต่อที่พัก โทร : +81 3 3841 8954

ส่ง email ได้ที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

---------------------------------------------------

ที่มาของภาพ : ภาพที่ไม่มีการลงลายน้ำ เป็นภาพจาก internet ครับ มีเขียนที่มาไว้แล้ว ส่วนภาพที่มีการลงลายน้ำเป็นภาพที่ถ่ายโดยกล้องของโอทารุทั้งหมด ท่านใดจะนำไปใช้ก็ขออนุญาตกันก่อนนะคร้าบบบบบบบบบบ

ภาพปกจาก http://buffalotrip.com/image/cache/data/2015/Tokyo/Shopping/Nakamise-dori/nakamise-dori-shopping-street-tokyo-japan-guide-review-address-opening-hours-760x432.jpg

---------------------------------------------------

 ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร?  

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากสอบถาม --> เชิญ add friend ทาง Facebook ครับ พิมพ์คำว่า Otaru Taichou ในช่องค้นหา เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเข้าไป add เองครับ

รีวิว Vietnam Airline ไป Fukuoka และกลับทาง Nagoya
เจ้าชายอากิชิโนะมีกำหนดเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพ...