EasyBlog

This is some blog description about this site
เรื่องน่ารู้กับการใช้บริการ Taxi ในญี่ปุ่น

ในสัปดาห์นี้โอทารุจะกลับมาพูดถึงเรื่องที่ผมคิดว่าเพื่อนๆน่าจะมีโอกาสได้ใช้บ้างและบางคนอาจจะขยาด นั่นก็คือ "การขึ้น Taxi ญี่ปุ่น" นั่นเองครับ! ใช่แล้วล่ะ พอพูดถึง Taxi ญี่ปุ่น ผมเชื่อว่าเพื่อนๆผู้อ่านชาวไทยส่วนมากน่าจะยี้แน่นอน เพราะ Taxi ของที่นี่ติดภาพลักษณ์อย่างหนึ่งซึ่งก็คือ "แพง" นั่นเอง ทว่า...ในความแพงที่เรามโนภาพกันไปนั้น มันก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันนะ และในวันนี้ผมก็จะมาบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้บริการสารถีของแดนอาทิตย์อุทัยกันครับ!

ก่อนอื่นคงต้องกล่าวอย่างคร่าวๆก่อนว่า Taxi ในประเทศญี่ปุ่น (ต่อไปผมอาจจะพิมพ์คำว่า แท็กซี่ บ้างนะ แก้เบื่อ อิอิ) ก็เหมือนกับ Taxi อื่นๆในอีกหลายประเทศครับ คือ ใช้มิเตอร์และตัวรถเองก็หาไม่ยากนัก อย่างไรก็ตาม Taxi ญี่ปุ่นก็มีจุดแข็งที่หลายๆประเทศ "เทียบไม่ได้" อยู่หลายประการเหมือนกัน และผมขอสรุปคร่าวๆดังนี้ครับ

ลักษณะเด่น

1. ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร : ข้อนี้ผมมองว่าโดนใจที่สุดแล้ว เพราะหลายๆประเทศ ยังไม่ทันจะโบกเลย บางทีก็ขับหนี บางทีก็รับแต่ต่างชาติ บางทีก็ต้องไปส่งอู่รถ ฯลฯ แต่ที่ญี่ปุ่น ขึ้นไปได้เลยครับ ไปทุกที่จริงๆ เพราะที่ญี่ปุ่นกฎหมายคือกฎหมายและบทลงโทษรุนแรงไม่ใช่ปรับกระปริบกระปรอยหรือมีคดีติดตัวก็ให้มาขับรถต่อได้!!!

2. พนักงานขับรถมีความสะอาดและสุภาพ : ส่วนใหญ่แล้วคนขับก็จะรักษาความสะอาดเป็นอย่างมาก ใส่เสื้อสูทอย่างดีแถมหลายๆคนยังใส่ถุงมือสีขาวด้วยนะครับ นอกจากนั้นสภาพรถแท็กซี่ที่นำมาวิ่งก็อยู่ในสภาพที่ดี สะอาดและก็บุด้วยผ้าสีขาวด้วยล่ะ นอกจากนี้(ส่วนมาก)คนขับก็ยังสุภาพกับเราไม่กระฟัดกระเฟียดหรือแสดงอาการไม่พอใจถ้าสื่อสารกับเราไม่รู้เรื่องด้วยครับ

3. ติด GPS ป้องกันการ "มั่ว" หรือ "เข้าซอยผิด" : นี่คืออีกหนึ่งคุณสมบัติที่ดีมากๆของรถแท็กซี่ญี่ปุ่น ประเภทบอกว่ารู้ทางๆๆ แต่ถึงเวลาจริงๆ ถามเราทุกร้อยเมตร จะเลี้ยวผิดซอยแล้วแถว่าซอยนี้ทะลุได้นี่หายากนะครับ เพราะ GPS ญี่ปุ่นมีระบบนำทางที่แม่นยำ ถ้าเราอธิบายทางไม่ถูก เราสามารถป้อนข้อมูลเช่น ที่อยู่/เบอร์โทรศัพท์ของสถานที่นั้นๆ เพื่อค้นหาพิกัดได้ด้วย ส่วนตัวโอทารุเองก็มีประสบการณ์ขึ้นรถ Taxi ที่เกียวโตครับ จะไปร้านเช่าชุดกิโมโนซึ่งตอนนั้นไปครั้งแรก ไม่รู้จักร้าน อุตส่าห์พิมพ์แผนที่ให้คนขับดูด้วยนะ คนขับก็พยายามอ่าน สุดท้ายคงไม่ชัวร์.....เปล่า เค้าไม่ได้ไล่ผมลงรถหรอกครับ แต่....เค้ากดมือถือตัวเองโทรไปถามที่ร้านเช่าเลยว่าไปยังไง แล้วก็ใส่ข้อมูลลงใน GPS พร้อมกับเข้าซอกซอยเล็กๆให้ผมเห็นบรรยากาศบ้านๆที่คนไม่ค่อยเดินจริงๆ ก่อนที่จะไปส่งผมถึงหน้าร้านอย่างปลอดภัยครับ!

4. บางคันมีบริการผ้าเย็นด้วยล่ะ : อันนี้เจอมากับตัวที่ Kawaguchiko ผมมากับเพื่อนๆแล้วโบกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบ แม้คุณลุงจะพูดภาษาอังกฤษกับเราไม่ได้แต่ก็พยายามแจก "ผ้าเย็น" ให้ทุกคนครับ แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ทำให้ทุกคนประทับใจมากๆเลยครับ

5. มีใบเสร็จรับเงินให้พร้อมรับเครดิตการ์ดด้วย : ข้อนี้ต้องบอกว่า เพื่อนๆชาวไทยอาจจะไม่คุ้นเคยนัก คือ แท็กซี่ในญี่ปุ่นมีใบเสร็จรับเงินให้นะครับและในใบเสร็จนั้น จะมีชื่อของพนักงานขับรถพร้อมเบอร์ติดต่อบริษัทแท็กซี่ที่เขาสังกัดด้วย ถามว่า จะบอกมาทำไม?? ง่ายๆครับ "ลืมของจะได้ตามถูกคันไงล่ะ" นอกจากนี้ รถแท็กซี่หลายๆคันก็เริ่มติดตั้งระบบชำระค่ารถด้วยเครดิตการ์ดแล้วนะครับ แต่เท่าที่ทราบมาก็คือ วงเงินขั้นต่ำที่สามารถชำระได้จะอยู่ที่ราวๆ 5,000 เยน (ราวๆ 1,500 บาท) ขึ้นไปครับ แต่โดยรวมคือสะดวกมากอ่ะ

 

6. ทอนเงินเต็มจำนวน ไม่มีอมเศษเงินหรือปัดเศษ : อันนี้ผมก็เจอในบางประเทศอ่ะนะ มิเตอร์ขึ้น 63 เวลาทอน "คิด 65 ละกัน ไม่มีเหรียญทอน" เอ้อ ดี! ไม่ถามคนนั่งสักคำ คิดเองเออเองเสร็จสรรพเลย แต่ที่ญี่ปุ่น สมมุติ 1,490 เยน ผมให้ไป 2,000 เยน คนขับก็จะทอนให้เป๊ะๆเลย คือ 510 เยน ไม่มีขาดครับ คือ มันอาจจะเล็กน้อยสำหรับบางคนนะ แต่มันก็คือเงินที่เราหามาเหมือนกันนั่นแหละ

7. ไม่รับทิป : จริงๆ ที่ญี่ปุ่นก็ไม่มีธรรมเนียมการให้ทิปอยู่แล้ว การขับแท็กซี่ก็เช่นกันครับ คนญี่ปุ่นมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ (ส่วนมาก)ภูมิใจในอาชีพของตนและปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อาชีพขับรถแม้อาจจะดูธรรมดาในบางประเทศแต่ที่ญี่ปุ่นก็คือหนึ่งอาชีพเหมือนกันครับ ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องให้ทิปกับคนขับแต่ประการใด 

อย่างไรก็ตามผมได้บอกลักษณะเด่นของการใช้รถ Taxi ไปแล้วแต่ผมก็มีข้อสังเกตที่เพื่อนๆควรจะรู้ไว้ก่อนใช้บริการดังนี้ครับ

ข้อสังเกต

1. ประตูรถเปิดให้เองโดยอัตโนมัติ : ข้อนี้เพื่อนๆชาวไทยหลายคน "ไม่ชินอย่างแรง" เพราะบ้านเราไม่มี ต้องอัตโนมือตลอด แต่ที่ญี่ปุ่นประตูรถจะเปิดให้เองครับ ดังนั้นระวังปล่อยไก่นะครับ!

2. คนขับรถแท็กซี่ส่วนใหญ่พูดได้แค่ภาษาญี่ปุ่น : ถ้าเพื่ิอนๆผู้อ่านคนไหนพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้/ไม่เชี่ยวชาญ แนะนำว่าให้ Print แผนที่จุดหมายปลายทางที่จะไป หรือให้เพื่อนที่ญี่ปุ่นเขียนที่อยู่+เบอร์โทรศัพท์ให้ (เผื่อคุณจะไปหา/นอนบ้านเพื่อนชาวญี่ปุ่นไง) หรืออย่างน้อยถ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยว เราควรเตรียมรูปภาพหรือชื่อสถานที่เป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วชี้ให้คนขับทราบครับ ไม่งั้นทั้งคนนั่งทั้งคนขับก็ อ่ะโนๆๆๆๆ Dead air ไปยาวๆล่ะครับ 

3. รถแท็กซี่ญี่ปุ่นสามารถโบกเรียกริมถนนได้ (ถ้ารถว่าง) หรือจะเดินไปขึ้นที่จุดจอดแท็กซี่ก็ได้ครับ ภาษาญี่ปุ่นคือ タクシー乗り場 

4. แท็กซี่ในญี่ปุ่นเหมือนบ้านเราครับ คือ ใช้ LPG วิ่ง ดังนั้นท้ายรถก็จะเจอกับถัง LPG ซึ่่งบางครั้งอาจจะต้องจัดเรียงกระเป๋าสักหน่อยถ้าเพื่อนๆมีกระเป๋าใบโตและต้องไว้ท้ายรถนะครับ

5. แท็กซี่ในญี่ปุ่น "รับผู้โดยสารได้สูงสุด 4 คน" ถ้าผู้โดยสารเกินเขามีสิทธิ์จะไม่รับครับ เพราะผิดกฎหมาย บ้านไหนมา 5 คนอาจจะต้องแยกขึ้นสองคันแล้วล่ะงานนี้

6. ไฟสถานะของรถแท็กซี่ญี่ปุ่นมีเยอะกว่าบ้านเราพอสมควร ซึ่งหลายสถานะที่ว่านี้ถ้าเราอ่านไม่ออกก็อาจทำให้เราคิดว่าเวลาโบกทำไมไม่รับเราทั้งๆที่รถว่าง แต่บทนี้ผมจะแยกสถานะมาให้อีกย่อหน้าเลยครับ

7. ข้อนี้สำคัญมาก "งดต่อรองราคาโดยสาร คิดตามมิเตอร์นะจ๊ะ" ก็คงชัดเจนน่ะนะว่า อย่าทำครับ!

และหัวข้อที่ผมจะพูดถึงต่อไปก็คือ เรื่องไฟสถานะ Taxi เพื่อบอกคนที่จะเรียกนี่แหละครับว่ามันมีสถานะอะไรบ้าง...ทว่า โชคร้ายที่ อักษรแสดงสถานะเหล่านั้น เป็น "ตัวคันจิ" ดังนั้นถ้าใครที่ไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นแบบแน่นๆ ก็จะมีงงแน่นอน ดังนั้น โอทารุจึงทำคำแปลไว้ให้เพื่อนๆจดจำกันในบล็อกนี้นี่แหละ เซฟเก็บไว้ก็ได้นะครับ ไม่หวงห้าม อิอิ

คำแปลสถานะของรถ Taxi

1. ไฟสีแดง 空車 (Kuusha) แปลว่า ว่าง (ก็คือ พร้อมรับผู้โดยสารนั่นแหละ) ขึ้นโลดดดดด

2. ไฟสีเขียว 賃走 (Chinsou) แปลว่า ไม่ว่าง หรือ มีคนจองแล้ว 

3. 回送 (Kaisou) แปลว่า กำลังกลับไปที่อู่ (ก็ส่งรถนั่นแหละ) แต่ที่นี่จะไปส่งรถก็จะขึ้นชัดเจน คนโบกไม่ต้องลุ้นครับว่าจะไปไม่ไป!

4. 迎車 (Geisha) หรือ 予約 (Yoyaku) แปลว่า รถคันนี้มีคนจองแล้ว หรือ กำลังเดินทางไปรับผู้โดยสารคนอื่นอยู่ 

และนี่ก็คือคำอธิบายสถานะรถ Taxi ญี่ปุ่นแบบพื้นฐานครับ เพื่อนๆจดคำไว้นะครับ เวลาโบกจะได้ไม่โบกเก้อและงงว่า ไหนบอก Taxi ญี่ปุ่นไม่ปฏิเสธผู้โดยสารไง แนวๆนี้ล่ะครับ! เอาล่ะ ต่อไปผมจะพาไปนั่งรถ Taxi ญี่ปุ่นของจริงกันครับว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

นั่งของจริงกันเถอะ!

ขอบอกสักนิดว่าผมใช้ทุกครั้งเวลาไปญี่ปุ่นครับ แต่ส่วนมากจะเป็นระยะทางสั้นๆ สักสองกิโลเมตรไว้เซฟเวลาหรือเอาไว้เซฟแรงเพราะบางครั้งผมพาคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวด้วยก็ไม่อยากให้ท่านเดินเยอะครับ ดังนั้นรูปภาพของแท็กซี่ก็อาจจะคละกันหน่อยนะครับ!

ปกติผู้โดยสารจะขึ้นด้านหลังฝั่งซ้ายของรถครับ ซึ่งประตูก็จะเปิดเองโดยอัตโนมัติอย่างที่บอก เบาะหลังจะนั่งได้สูงสุด 3 คน ส่วนใครที่มากัน 4 คนก็ต้องไปนั่งเบาะหน้าคนหนึ่งล่ะครับ จากนั้นก็แจ้งจุดหมายปลายทางที่เราต้องการจะไป คนขับก็จะเปิดมิเตอร์แล้วก็ออกเดินทางไปตามจุดหมายที่เราแจ้งครับ

ลองสังเกตภาพประกอบที่ผมถ่ายมาให้ดูก็ได้ จะเห็นว่ามีการติดกระจกและราวเหล็กกั้นคนขับไว้ด้วย ซึ่งเท่าที่ผมนั่งมาบางคันก็มีบางคันก็ไม่มีนะครับ เหตุผลที่ติดก็คงเป็นเรื่องความปลอดภัยทั้งฝั่งผู้โดยสารและคนขับเองนั่นแหละ กล่าวคือ คนขับจะข้ามเบาะมาปล้นผู้โดยสารอย่างเราก็ไม่ได้ ขณะเดียวกันผู้โดยสารที่จะมาจี้คนขับแบบล็อกคอเอามีดจี้จากเบาะหลังแบบหลายๆประเทศก็ไม่ได้เช่นกัน!!!

สำหรับบางคนที่สังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าบางคันมีตุ๊กตาประดับหรือมีเคร่ืองรางด้วย อย่างคันนี้ที่ผมถ่ายไว้คันนี้ก็มีตุ๊กตาล้มลุก "ดารุมะ" อยู่ครับ น่ารักดี ที่สำคัญคือ มี GPS นำทางทั้งนั้นเลย!!! นอกจากนี้ฝั่งเบาะหน้าตรงข้ามคนขับก็จะมีชื่อและหน้าตาของคนขับบอกไว้ให้เราทราบเป็นข้อมูลด้วยครับ (แต่เท่าที่ผมเจอคือ ชื่อคนขับก็คันจิล้วนอ่ะนะ ใครอ่านออกก็ยินดีด้วยครับ)

และเมื่อเราถึงจุดหมายปลายทาง ปกติแท็กซี่หลายคันก็จะมีถาดเล็กๆไว้สำหรับงานเงินครับ ก็ให้เราวางเงินหรือเครดิตการ์ดในถาดนี้แหละ เดี๋ยวคนขับก็จะทอนเงินให้เราอย่างครบถ้วนตามที่กดมิเตอร์ครับ จากนั้นคนขับก็จะให้ใบเสร็จเราเก็บไว้เบิกบริษัทหรือเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ได้ครับ! 

คำถามยอดฮิต : ควรนั่งแท็กซี่ในญี่ปุ่นตอนไหนถึงจะดี??

จริงๆเป็นคำถามที่กว้างนะครับ แต่โอทารุจะใช้หลักดังนี้ เพื่อนๆจะทำตามก็ได้หรือไม่ตามก็ได้ ผมไม่สงวนลิขสิทธิ์ครับ 555

1. ต้องรู้ชะตาตัวเองก่อนว่าจะไปไหน ที่ๆจะไปมันไกลจากระบบขนส่งสาธารณะมากแค่ไหน แล้วรถสาธารณะอื่นๆ เข้าถึงไหมหรือนานๆ(รถเมล์)มาที : ถ้ารู้ว่าไกลหรือไม่มีตัวเลือกอื่น บางทีก็ต้องใช้ คือมันคงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนักหรอก แต่ถ้าคำนวณแล้วมันเป็นการขึ้นเขาหรืออากาศร้อนมากๆ หรือเดินไกล ผมยอมจ่ายครับ

2. ถ้ามากับเพื่อนสี่คนพอดี หารสี่นี่เลิศมาก บางครั้งถูกกว่านั่งรถไฟ/รถเมล์นะ : จริงๆแล้วปกติแท็กซี่หลายที่จะชาร์จเราที่ราวๆ 430 เยน (ในโตเกียว สำหรับ 1 กิโลเมตรแรก) แล้วจะเพิ่มขึ้น 80 เยนในทุกๆ 237 เมตรที่วิ่งไป ถ้าที่พักเราอยู่ไม่ไกลและมี "สัมภารก" เยอะๆ แล้วคุณไม่อยากลากปุเลงๆลงรถใต้ดินที่อาจหลงทางออกหรือ "เจอทางออกที่ไม่มีลิฟต์" การใช้แท็กซี่ก็เป็นทางออกที่ดีอย่างนึงครับ ไม่ต้องยกขึ้นยกลงให้เมื่อยหลัง+กล้ามเนื้ออักเสบอีกต่างหาก!

**อย่างไรก็ตาม ขอเตือนว่า ค่า Taxi ในญี่ปุ่นจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ต่างๆ บางที่ก็เริ่มที่ 570 เยน บางที่ก็อาจจะคิดตามระยะทางด้วยอัตราอื่นก็ได้ ที่สำคัญ จำไว้เลยว่า เวลารถติดมิเตอร์ก็ขึ้นเหมือนบ้านเรา ดังนั้น อย่านั่งเพลิน ถ้ารถติดมากๆ ให้คนขับจอดแล้วเดินเอาก็ได้นะ เดี๋ยวงบบานปลาย!!!

3.  ถ้าคนที่มากับคุณเป็นผู้สูงอายุหรือเดินไกลๆเป็นกิโลแบบคุณไม่ได้ : บอกตรงๆว่า ใครเอาบรรดาท่าน สว มาด้วยแบบไม่ใช้ทัวร์ ถ้ารู้ว่าเดินไม่ไหว กรุณาเห็นใจท่านและอัญเชิญไปใช้ Taxi เถอะครับ ทรมานท่านเปล่าๆ ระวังโดนด่ายันลูกคุณบวชนะ ผมยกตัวอย่างง่ายๆจากประสบการณ์ตัวเองเลย กรณีปราสาท Himeji จากสถานี JR มีระยะเดินเป็นเส้นตรงสู่ปราสาทมีระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร โอเค มันดูไม่ไกล (ดูภาพประกอบสิ) แต่สำหรับคนอายุ 60 ปลายถึง 70 สังขารอาจไม่ไหว ในขณะที่ค่ารถ Taxi ราคา 680 กว่าเยน แต่นั่งกันพ่อแม่ลูกนี่ผมว่าก็คุ้มนะ เพราะผมก็นั่ง เซฟแรงให้บุพการีไปเดินเล่นในส่วนของปราสาทดีกว่าครับ!!!

ผมถ่ายจากสถานี JR Himeji ครับ (เห็นปราสาทฮิเมจิไหม นั่นล่ะห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร)

4. กรณีเครื่องบินดีเลย์มาถึงญี่ปุ่นดึกมากแล้วและชำระเงินกับโรงแรมไปแล้ว : เคสนี้บอกก่อนเลยว่า ที่โตเกียวหลัง 4 ทุ่ม ค่าแท็กซี่ชาร์จเพิ่มจากปกติอีก 20% และจะชาร์จเพิ่มเป็น 30% ถ้าเราเรียกตั้งแต่ห้าทุ่มยันตีห้า!!! เคสนี้ถ้าคุณจองโรงแรมไว้แล้วเราชำระค่าห้องไปแล้วหรือต้องเดินทางเข้าเมืองทันทีหรือไม่อยากจะนอนในสนามบิน ก็ต้องกัดฟันเรียกแท็กซี่เข้าเมืองล่ะครับ สนามบินที่พอจะใช้ Taxi ได้ก็คือ Haneda ครับ เพราะอยู่ใกล้ Downtown ของโตเกียวมากกว่านาริตะเยอะ ส่วนนาริตะ.....รายนั้นถ้าเอาจริงๆ ค่ารถเวลาปกติ 25,000 เยนครับ ยังไม่รวมค่าชาร์จพิเศษอีก ปาดเหงื่อมากบอกเลย บางทีถ้าเหตุสุดวิสัยจริงๆ บางทีค่านั่ง Taxi อาจจะแพงกว่าค่าโรงแรมที่เราจองไว้ก็ได้นะ เคสนี้ก็ลองดูครับว่าลงสนามบินไหน

ส่วนกรณีอื่นๆ หลังจากนี้เพื่อนๆอาจมีความจำเป็นหรือเหตุอันใดที่อาจต้องใช้ก็ต้องเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคลแล้วล่ะครับ! 

และทั้งหมดนี้ก็คือ เรื่องน่ารู้ของแท็กซี่ในญี่ปุ่นที่ผมนำมาบอกเล่าให้เพื่อนๆผู้อ่านได้รับทราบเป็นข้อมูลกันนะครับ ขอย้ำเลยว่าแท็กซี่ที่ญี่ปุ่นแม้ว่าจะแพง แต่ก็ตามราคาที่จ่ายคือ เราจะได้ความสบาย ความเป็นส่วนตัวและถึงที่หมายอย่างปลอดภัย+"ไม่โกงมิเตอร์" ครับ แล้วพบกับกระผมได้ใหม่ในสัปดาห์หน้า สวัสดีครับ!!! 

----------------------------------------------------

ที่มาของเนื้อหาบางส่วนจาก http://www.japanvisitor.com/japan-travel/japan-transport/japan-taxis

ภาพปกจาก http://cdn.newsapi.com.au/image/v1/a802053b36e8dee025198ffede18956e?width=1024

ภาพคนขับรถใส่ถุงมือ http://i.kinja-img.com/gawker-media/image/upload/t_original/1360682241876216646.jpg

 

ภาพสถานะไฟรถ http://jpninfo.com/wp-content/uploads/2015/11/japanese-taxi-unoccupied-sigh.jpg

ภาพที่เหลือที่มีลายน้ำเป็นของโอทารุทั้งหมด ท่านใดจะนำภาพไปใช้ กรุณาขออนุญาตก่อนนะครับ!

----------------------------------------------------

 ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร? 

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากสอบถาม --> เชิญ add friend ทาง Facebook ครับ พิมพ์คำว่า Otaru Taichou ในช่องค้นหา เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเข้าไป add เองครับ

เมืองนาโงย่าเตรียมออกกฎเหล็กห้ามสร้างตึกใหม่ให้สูง...
บัตร IC Cards จะสามารถจ่ายค่ารถไฟชินคันเซนได้แล้ว