EasyBlog

This is some blog description about this site
พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ราเม็งที่ YOKOHAMA

สวัสดีครับเพื่อนๆ! สัปดาห์นี้โอทารุขอส่งท้ายเดือนแห่งความรักและฤดูกาลอันหนาวเหน็บของญี่ปุ่นด้วยเรื่องร้อนๆ จากราเม็งชามโตนะครับ! ซึ่งราเม็งที่ว่านี่ก็เป็นอาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่นมาช้านานและได้รับความนิยมไปทั่วโลก แม้แต่ชาวไทยก็ชื่นชอบเมนูชนิดนี้มากมายเช่นกัน ดังนั้น ในวันนี้โอทารุจึงเขียนบล็อกพาเพื่อนๆ ไปชมพิพิธภัณฑ์ราเม็งที่โยโกฮาม่า พร้อมรายละเอียดการท่องเที่ยวต่างๆ ให้ทราบกันนะครับ! เอาล่ะ! คลิกอ่านกันได้เลยนะคร้าบบบบ

ปัจจุบันนี้ฝั่งคันโต (ภาคตะวันออกของญี่ปุ่น) ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมาย ไม่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาติต่างๆด้วย เพราะฝั่งนี้ก็คือที่ตั้งของเมืองหลวง หรือ กรุงโตเกียวนั่นเองครับ โดยเฉพาะคนที่เดินทางมาญี่ปุ่นครั้งแรก ส่วนใหญ่ก็เลือกเดินทางมาท่องเที่ยวแถวโตเกียวก่อนนี่ล่ะครับ ด้วยความที่การเดินทางสะดวก อาหารการกินก็พร้อมและข้อมูลต่างๆ ที่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็มีอยู่มากทีเดียว ดังนั้นโตเกียวจึงเนื้อหอมมากๆจนถึงทุกวันนี้ล่ะครับ!

และนอกจากเมืองหลวงที่เหมาะกับการท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์แล้ว เมืองรอบๆ อย่างโยโกฮาม่าก็ได้รับความนิยมไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและยังเป็นเมืองท่าแห่งแรกๆในญี่ปุ่นที่เปิดประตูค้าขายกับชาวตะวันตกในสมัยก่อน ทำให้เมืองโยโกฮาม่าได้รับอิทธิพลจากโลกภายนอกมาเยอะทีเดียวครับ! แต่ในครั้งนี้โอทารุจะขอข้ามเรื่องประวัติศาสตร์และจุดน่าสนใจในเมืองท่าแห่งนี้ไปก่อน เพราะครั้งนี้ผมจะเน้นไปที่พิพิธภัณฑ์ราเม็งอย่างเดียวครับ!

พิพิธภัณฑ์ราเม็งหรือราเม็งมิวเซียม (Shin-Yokohama Raumen Museum) แห่งนี้เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติมาตั้งแต่ปี 1994 ในฐานะ Food-Theme Park แห่งแรกของโลก ซึ่งก็ได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ครับ โดยภายในจะตกแต่งแบบบรรยากาศกรุงโตเกียว ย่าน Shitamachi ในช่วงปี 1958 ซึ่งเป็นปีที่ราเม็งกำลัง "บูม" และก็เป็นปีแรกที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ถูกผลิตขึ้นมาเป็นครั้งแรกของโลกด้วยครับ

หน้าตาของทางเข้าครับ

อัตราค่าเข้าชม

ผู้ใหญ่ (เด็กอายุ 12 ปี-ผู้ใหญ่อายุ 59 ปี) คนละ 310 เยน ถ้ามา 15 คนขึ้นไป เหลือคนละ 260 เยน

เด็ก (6-11 ปี) คนละ 100 เยน ถ้ามา 15 คนขึ้นไป เหลือคนละ 50 เยน

ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) คนละ 100 เยน ถ้ามา 15 คนขึ้นไป เหลือคนละ 50 เยน

เด็กเล็ก (ต่ำกว่า 6 ปี) เข้าฟรี

วันและเวลาทำการ

เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 11:00-22:00 น. (ปิดรับออเดอร์ 21:30 น.)

โซนต่างๆในพิพิธภัณฑ์

ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มี 3 ชั้น ประกอบด้วย

ชั้น 1 เป็นทั้งทางเข้าและขายของในชั้นเดียวกัน ภายในจะมีราเม็งรสชาติต่างๆ (ซึ่งบางรสก็มีขายมานานหลายสิบปี) ให้เราซื้อกลับไปทาน รวมทั้งอุปกรณ์ในการทานราเม็งต่างๆ และที่เด็ด คือ เราสามารถทำราเม็งที่เป็นแบรนด์ของเราเองได้ด้วยจากที่นี่ครับ และที่พิเศษก็คือ ยังมีที่ชมรถแข่งสมัยเก่ามากๆให้เราได้ชมกันอีกด้วยครับ (เก่ากว่ารถแข่งทามิย่าสมัย 90s ด้วยนะ)

ตัวอย่างของที่วางขายครับ

ชั้น B1  เป็นชั้นที่มีคาเฟ่และร้านขายขนมเก่าๆที่ตกแต่งได้เก่าจริงๆตามแบบฉบับของญี่ปุ่นครับ ใครเอาเด็กๆมาน่าจะชอบขนมหวานนะครับ แต่บางทีผู้ใหญ่อย่างเราๆเองก็อดใจไม่ไหวเหมือนกัน อันนี้อยู่แต่ละบ้านแล้วครับ อิอิ

ชั้น B2 ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่ครับ เพราะเป็น Theme Park ที่ตกแต่งเสมือนเราเดินอยู่ในย่านเก่าแก่ของโตเกียว เมื่อ 60 กว่าปีก่อน ส่วนตัวขอบอกว่าเขาทำดีมากๆ จริงๆ ใครชอบถ่ายรูปไม่ควรพลาดนะครับ นอกจากนี้ตรงกลางลาน ยังมีโซนสำหรับนั่งทานราเม็งด้วย ซึ่งปัจจุบันจะมีร้านราเม็งทั้งหมด 9 ร้าน มาให้เราได้เลือกชิม (หรือเสี่ยงดวงกัน) ที่สำคัญ ที่นี่มีราเม็งที่ไม่มีส่วนผสมของหมูขายด้วยนะครับ เพื่อนๆที่นับถือศาสนาอิสลามก็สามารถนั่งทานได้อย่างสบายใจเช่นกัน!

มุมมหาชนครับ

อย่างไรก็ตาม มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องบอกเพื่อนๆท่านผู้อ่านให้ทราบซะก่อน ก็คือ ร้านราเม็งที่นี่จะสลับสับเปลี่ยนกันมานะครับ คือ ไม่ใช่ 9 ร้านที่ว่านี้จะอยู่ตลอดไป ร้านไหนที่ยอดขายไม่ดีหรือไม่ได้รับความนิยมก็จะถูกคัดออกจากที่นี่เพื่อเปิดทางให้กับร้านราเม็งใหม่ๆได้เข้ามาลองขายดูบ้าง ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเวลาเพื่อนๆอ่านกระทู้ของราเม็งมิวเซียมแล้วพอไปถึงที่ญี่ปุ่นจริงๆ กลับไม่มีร้านที่ท่านอ่านในกระทู้อยู่ครับ!!!

สำหรับโอทารุเองก็เดินชมชั้น B2 และถ่ายภาพมาเยอะแยะเลยครับ ขอนำบางส่วนมาให้เพื่อนๆชมก็แล้วกัน

 

ทำดีมากๆครับ เหมือนย้อนยุคจริงๆ

ผมชอบบรรยากาศที่นี่จริงๆ ลงทุนสุดๆครับ

ส่วนร้านราเม็งที่ผมเลือกนั้น ชื่อร้าน toride เป็นราเม็งสไตล์ฮากาตะ ซึ่งเน้นที่น้ำซุปกระดูกหมูครับ ทว่าปัจจุบันร้านที่ไปชิมถูกคัดออกเสียแล้วล่ะ! ท่านใดที่อ่านบล็อกนี้ของผมอยู่ ผมแนะนำให้คลิกที่ Link นี้ http://www.raumen.co.jp/thailand/ เพื่อเช็คร้านราเม็งที่วางขายในช่วงเวลาปัจจุบันก่อนที่ท่านจะเดินทางนะครับ เขาบอกรายละเอียดของราเม็งที่วางขายในแต่ร้านรวมถึงระดับน้ำซุปหรือเส้นอย่างละเอียดมากๆ (มีภาษาไทยด้วยนะ แจ๋วมากๆเลยล่ะครับ)

ราเม็งร้าน Toride ครับ 

สำหรับเรื่องราเม็ง ยังมีเรื่องประเภทของเส้นและเครื่องเคียงต่างๆ ให้เราได้ศึกษากันอีกมากครับ แต่วันนี้ผมคงไม่ยกมากล่าวเพราะจะออกแนววิชาการไปหน่อย ดังนั้นท่านใดที่อยากรู้เพิ่มเติมก็ขอให้ศึกษาจาก Link ด้านบนที่ให้ไปนะครับ!

การเดินทาง

การเดินทางมาที่ราเม็งมิวเซียมแห่งนี้จริงๆ มาได้หลายทางครับ เอาเส้นทางที่มาง่ายๆตามนี้ครับ

1. แบบง่ายสุด คือ เริ่มต้นที่สถานี Tokyo แล้วนั่ง Shinkansen มาลงที่สถานี Shin-Yokohama ใช้เวลาวิ่งแค่ 13 นาที จากนั้นเดินไปเกิน 10 นาทีก็จะถึงพิพิธภัณฑ์แล้วครับ แต่วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มี JR Pass เท่าไหร่เพราะเสียเงิน "แพงสุด" (ขาละประมาณ 1,400 เยน) แต่ถ้าใครมาครั้งแรกแล้วอยากนั่งชินคันเซนระยะสั้นๆ ก็ลองดูได้ครับ

2. จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟธรรมดา สาย Tokaido ลงที่สถานี Yokohama แล้วต่อรถไฟใต้ดินของโยโกฮาม่ามาลงที่สถานี Shin-Yokohama อีกที แล้วเดินต่ออีกไม่เกิน 10 นาที ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 50 นาที (ค่ารถประมาณ 550 เยนต่อเที่ยว)

3. จากชินจูกุ ให้ขึ้นรถไฟธรรมดา สาย Shonan-Shinjuku มาลงที่สถานี Yokohama แล้วจะต่อรถใต้ดินแบบข้อ 2 หรือต่อรถไฟ JR สาย Yokohama มาลงสถานี Shin-Yokohama แล้วเดินต่อก็ได้ครับ เบ็ดเสร็จใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง (ค่ารถประมาณ 650 เยนต่อเที่ยว)

4. จากชิบูย่า ให้นั่งรถไฟเอกชนของบริษัท Tokyu สาย Toyoko/Minatomirai ลงที่สถานี Kikuna จากนั้นต่อรถไฟ JR สาย Yokohama มาลงสถานี Shin-Yokohama แล้วเดินต่อก็ได้ครับ เบ็ดเสร็จใช้เวลาราว 40 นาที (ค่ารถถูกสุด แค่ 390 เยนต่อเที่ยว)

5. จากชินากาวะ สามารถเลือกได้ว่าจะนั่ง Shinkansen เหมือนสถานี Tokyo หรือรถไฟธรรมดาก็ได้ครับ

5.1 นั่งรถไฟ Shinkansen แค่ 11 นาที มาลงที่สถานี Shin-Yokohama ได้เลย (ค่ารถประมาณ 1,270 เยนต่อเที่ยว) 

5.2 นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka มาลงที่สถานี Yokohama แล้วต่อรถไฟใต้ดินของโยโกฮาม่ามาลงที่สถานี Shin-Yokohama อีกที แล้วเดินต่ออีกไม่เกิน 10 นาที ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 40 นาที (ค่ารถประมาณ 530 เยนต่อเที่ยว)

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีไหน เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ Shin-Yokohama แล้ว ให้มองหาทางออก North Exit นะครับ เดินออกมาจะเจอสะพานลอยขนาดใหญ่ให้ขึ้นไปแล้วเดินไปตามถนนทางทิศเหนือ (จุดสังเกตคือ ถ้าเดินถูกทางจะมองเห็นธนาคาร Sumitomo อยู่ขวามือ ให้เดินตรงไปต่อจนกระทั่งเจอ R&B Hotel Shin-Yokohama Ekimae ให้เลี้ยวซ้ายเข้ามาในถนนเล็กๆนี้ จากนั้นเดินตรงมาอีกนิดให้เลี้ยวขวาที่สามแยกแรกแล้วก็จะเจอทางเข้าหน้าตาแบบในรูปที่ผมโพสต์ให้ดูครับ!

แผนที่การเดินทางในภาพรวมครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับราเม็งมิวเซียมแห่งนี้ ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นไอเดียสำหรับใครที่หาที่เที่ยวใกล้โตเกียวนะครับ แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับ!

---------------------------------------------------

ที่มาของภาพปก https://media.timeout.com/images/102955593/630/472/image.jpg

ข้อมูลและแผนที่จาก http://www.raumen.co.jp/english/

ภาพที่เหลือมีลายน้ำเป็นของโอทารุทั้งหมด ห้ามผู้ใดนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตครับ

---------------------------------------------------

ติดต่อโอทารุผู้เขียนได้อย่างไร?

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากสอบถาม --> เชิญ add friend ทาง Facebook ครับ พิมพ์คำว่า Otaru Taichou ในช่องค้นหา เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเข้าไป add รับเป็นเพื่อนเองครับ ^__^

พาเที่ยว KANAZAWA ใน 1 วันพร้อมชมซากุระ
ที่ละลายทรัพย์ส่งท้ายใกล้สนามบินคันไซ