EasyBlog

This is some blog description about this site
เปรียบมวยสนามบินนาริตะ & ฮาเนดะ : เลือกไปลงที่ไหนดี

สวัสดีครับเพื่อนๆผู้อ่านทุกคน ในสัปดาห์นี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศจากการแปลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมาเป็นการแนะนำข้อมูลที่ผมคิดว่าเพื่อนๆน่าจะได้ใช้ประโยชน์กันมากกว่าแน่นอน นั่นก็คือ การเปรียบเทียบสนามบินนาริตะกับสนามบินฮาเนดะครับ สำหรับในบล็อกนี้เนื้อหาจะเน้นอธิบายว่าสนามบินทั้งสองแห่งมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไรบ้าง ว่าแล้วก็มาคลิกอ่านกันเถอะคร้าบบบบ

อย่างที่ทราบกันดีว่าทุกวันนี้โตเกียวนั้นเนื้อหอมมากๆตั้งแต่ญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากมายไม่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ จีนไต้หวัน เกาหลีใต้ ตลอดจนมาเลเซียและเวียดนามก็ไม่น้อยเช่นกัน และสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องผ่านเป็นอันดับแรกเกือบ 100% นั่นก็คือ การเดินทางเข้าประเทศทางอากาศยานนั่นเอง (จริงๆมาทางเรือก็ได้นะครับ แต่น้อยรายมาก ยกเว้นจีนหรือเกาหลีใต้ที่มีเรือเดินสมุทรให้บริการ) ซึ่งแน่นอนว่าสนามบินในกรุงโตเกียวเองก็มีถึงสองสนามบินให้เราได้เลือกลง คือ สนามบินนาริตะและสนามบินฮาเนดะ ทว่าสำหรับหลายๆคนอาจจะยังคิดไม่ตกว่าแล้วทั้งสองสนามบินมันต่างกันยังไง มีจุดเด่นจุดด้อยยังไง ดังนั้นจึงเป็นที่มาของบล็อกนี้ครับ มาเริ่มเนื้อหากันเลยก็แล้วกันนะ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าสนามบินนาริตะกับสนามบินฮาเนดะนั้น "อยู่ห่างกันเยอะ" ถ้านั่งรถไฟแบบยิงยาวก็ "1 ชั่วโมงครึ่ง" ระหว่างสองสนามบินนี้ครับ ส่วนใครนึกภาพไม่ออก คิดง่ายๆ "เหมือนที่ตั้งสนามบินดอนเมืองกับสุวรรณภูมินั่นแหละ" ดังนั้น อย่าคิดว่ามันใกล้กันนะ! ทีนี้เรามาอ่านข้อมูลแต่ละสนามบินโดยขอเริ่มที่สนามบินฮาเนดะครับ

สนามบินฮาเนดะ : เป็นสนามบินที่อยู่ในเขตโอตะ กรุงโตเกียว และเป็นสนามบินพาณิชย์ที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากที่สุดครับ ปัจจุบันสนามบินฮาเนดะมีทั้งหมด 3 Terminal คือ International Terminal, Domestic Terminal 1 และ Domestic Terminal 2 ครับ แน่นอนว่าสำหรับเพื่อนๆที่เลือกเดินทางจากเมืองไทยมาที่นี่ก็จะต้องบินมาลงที่ International Terminal เพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองก่อนครับ สำหรับข้อดีข้อเสียของสนามบินนั้น ผมขอสรุปจากประสบการณ์ที่ตนเองเคยใช้บริการดังนี้ครับ

จุดเด่น

1. สนามบินแห่งนี้อยู่ใกล้กับกรุงโตเกียว แค่นั่ง Monorail ประมาณ 20 นาที เราก็จะไปโผล่อยู่ที่สถานีรถไฟโตเกียวแล้วจะต่อชินคันเซนหรือรถไฟชนิดอื่นๆไปเมืองไกลๆทั่วประเทศก็สะดวกสุดๆครับ หรือจะนั่งรถไฟไปลงชิบูย่าหรือชินจุกุก็ใช้เวลาแค่ "ครึ่งชั่วโมง" เท่านั้น สบายๆมาก

ที่ฮาเนดะมีสถานี monorail อยู่ในสนามบินเลยครับ สะดวกมาก

2. สนามบินนี้นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านมากนัก ดังนั้นคิวด่านตรวจคนเข้าเมืองจะไม่เยอะเท่าสนามบินนาริตะครับ ผมเองบินด้วยสายการบิน ANA มาลงที่นี่ เครื่องบินก็มักจะเป็นนักธุรกิจญี่ปุ่นซะมากกว่าครึ่งลำแล้ว จะหานักท่องเที่ยวหรือ backpacker นี่ค่อนข้างยากครับ

3. หากต้องการต่อเครื่องบินภายในประเทศ เที่ยวบินทางสนามบินฮาเนดะมีให้เลือกเยอะครับ ไม่ว่าคุณจะบินต่อไปซัปโปโร/ฟุกุโอกะ/โอกินาวะ/นางาซากิ หรือแม้กระทั่งโอซาก้าก็ตาม มีเที่ยวบินให้เลือกกันเพียบเลยล่ะ (เยอะกว่าที่นาริตะด้วย)

4. สนามบินฮาเนะดะ ได้รับการโหวตจากผู้โดยสารกว่า 13 ล้านคนให้เป็น "สนามบินที่สะอาดที่สุดในโลก" และผมก็ขอยืนยันอีกหนึ่งเสียงครับ สะอาดมากกก

5. คิวเช็คอินตอนขึ้นเครื่องกลับจะไม่ค่อยเจอแถวยาวๆบ่อยนัก (เป็นเพราะเที่ยวบินต่างประเทศมีน้อยกว่าที่นาริตะด้วย)

จุุดด้อย

1. มีสายการบินที่บินตรงแค่ 3 สายการบินจากไทย คือ Thai Airways, All Nippon Airways  และ Japan Airlines เท่านั้น (ผมไม่นับพวกบินต่อเครื่องนะครับ) ส่วนใครหวัง Low cost อยู่ "เชิญไปลงนาริตะ" นะครับ เพราะทั้ง Thai Air Asia X และ Nok Scoot/Nok Air ไปลงทางนั้นหมด...ตัวเลือกจึงมีแค่สามทหารเสือ

2. สนามบินฮาเนดะ เก็บภาษีสนามบินแพงกว่าสนามบินนาริตะ ส่งผลให้ LCC (Low Cost Carrier) หันไปลงนาริตะกันเกือบหมด เพื่อให้สามารถคุมต้นทุนราคาตั๋วเครื่องบินได้ดีกว่า (แต่กระซิบนิดนึงว่า ถ้าคุณเป็นคนรักแอร์เอเชียมากแล้วอยากลงที่นี่ก็ต้องไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์นะ จาก hub นั้นมีบินลงฮาเนดะครับ)

3. สนามบินนี้ไม่ค่อยมีร้านค้าให้ "ละลายทรัพย์" เท่าไหร่ คือ มันก็มีแหละ แต่ไม่เยอะเท่ากับสนามบินนาริตะไงครับ ส่วนใหญ่จะเน้นพวกขนมหรือของฝากพื้นฐานซะมากกว่า ดังนั้น ใครที่กะเดินเพลินๆเหมือนเดินห้างก็ไม่ใช่ที่นี่ครับ...

4. เนื่องจากสนามบินฮาเนดะมีปัญหาเรื่อง slot เวลาของเที่ยวบินระหว่างประเทศ ทำให้เวลาของเที่ยวบินมีจำกัด สำหรับเที่ยวบินจากไทยทั้งสามสายการบิน จะมีเวลาที่เลิศมาก นั่นคือ ถึงเช้าตรู่ราวๆ 6 โมงเช้าทั้งสามเจ้า กับอีกหนึ่งเวลาที่ไม่ค่อยโดนใจขาเที่ยวนั่นก็คือ บินบ่ายโมงถึงฮาเนดะตอนสามทุ่มไปเลย O_O (ไฟลท์นี้มีเฉพาะการบินไทย ส่วน ANA กับ JAL ไม่มีช่วงเวลานี้ครับ) ขณะที่เวลาขากลับน่าจะโดนใจแค่นักธุรกิจญี่ปุ่นแนวๆลงเครื่องแล้วเข้าบริษัทที่มีสาขาในไทยมากกว่า เพราะไม่มีเที่ยวบินเวลาฮิตของขาเที่ยวคือ "บินเย็นถึงดึก" (มีแต่บินสิบโมงถึงไทยบ่ายสาม ไม่ก็เที่ยงคืนแล้วถึงไทยตอนตีห้าไปเลย) ดังนั้น ถ้าเป็นขาเที่ยวก็คงต้องเลือกเอาแล้วล่ะว่ารับกับเวลาขากลับนี้ได้ไหม

อนาคตของสนามบิน : ตอนนี้สนามบินกำลังหาทางสร้างรันเวย์เพิ่มอีกเพื่อรองรับเที่ยวบินที่มากขึ้น (ปัจจุบันนี้มี 4 รันเวย์แล้ว แต่ไม่ยาวมาก) และคาดว่าน่าจะทำรันเวย์ที่ 5 ในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามสนามบินฮาเนดะยังมีปัญหาเรื่องการจราจรหนาแน่นบนน่านฟ้าเนื่องจากทางตะวันตกก็เป็นฐานทัพอากาศ Yokota (ฐานทัพอากาศของอเมริกา) มีเครื่องบินรบขึ้นลงเป็นระยะ ส่วนทางตะวันออกก็มีสนามบินนาริตะที่รับเที่ยวบินต่างประเทศอยู่ ก็เป็นปัญหาหนักใจที่ผู้บริหารสนามบินฮาเนดะต้องขบคิดต่อว่าจะขยายสนามบินยังไงต่อไปล่ะ ส่วนการคมนาคมทางบกนั้น ทราบมาว่าจะมีการขุดอุโมงค์เชื่อมระหว่าง International Terminal กับ Domestic Terminal เพื่ออำนวยความสะดวกในการต่อเครื่องระหว่างสองอาคารนี้ เบื้องต้นน่าจะเร่งให้ทัน Tokyo Olympic 2020 ครับ 

จบไปแล้วกับข้อมูลของสนามบินฮาเนดะนะครับ บรรทัดนี้ไว้พักสายตา อ่านถึงตรงนี้ก็พักกันก่อน ส่วนใครจะอ่านต่อก็เลื่อนลงมาได้เลยครับ

สนามบินนาริตะ : สนามบินยอดฮิตในดวงใจของนักท่องเที่ยว ปัจจุบันมีเที่ยวบินจากนานาประเทศ(เกือบ)ทั่วโลกที่บินมาลงที่สนามบินแห่งนี้รวมทั้งยังเป็นสนามบินขวัญใจ LCC ทั้งหลายด้วย สำหรับปี 2018 สนามบินนาริตะมีทั้งหมด 3 Terminal คือ Terminal 1-3 และใช้งานร่วมกันโดยไม่มีแบ่งเป็น International หรือ Domestic ครับ เพียงแต่ Terminal 3 จะเป็นอาคารที่ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ LCC โดยเฉพาะครับแต่ก็มี food court ที่ใหญ่โตและก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบครันทุกอาคารนะ!

จุดเด่น

1. เที่ยวบินมีให้เราเลือกไม่หวาดไม่ไหว ทั้งบินตรง/บินต่อเครื่อง เลือกมาเหอะ จากไทยมีเยอะแยะมากมายให้ตั้งกระทู้ถามไม่รู้จบ

2. เมื่อเที่ยวบินมีให้เลือกเยอะ ราคาตั๋วเครื่องบินก็เลยแข่งกันออกโปรโมชั่นบ่อยๆ คนชอบเที่ยวอย่างพวกเราก็เลือกกันตามกำลังทรัพย์ได้เลยครับ!!

3. ใกล้ๆกับสนามบินนาริตะก็คือ เมืองนาริตะ ซึ่งผู้โดยสารที่มีเวลาต่อเครื่องนานๆ (สัก 8-12 ชั่วโมง) ก็สามารถออกไปเที่ยวข้างนอกได้ ทางสนามบินมีทัวร์พาเที่ยวแบบฟรีๆไว้ให้เลยครับ แอบบอกว่า คุ้มมากๆถ้าเพื่อนๆกำลังจะต่อเครื่องไปทางอเมริกาหรือประเทศอื่นๆ

4. สนามบินแห่งนี้เปรียบเหมือนห้างสรรพสินค้าย่อมๆ มีสินค้าให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทั้งร้านขายของฝาก ของ limited edition เครื่องใช้ไฟฟ้า แม้กระทั่งตู้กาชาปองก็มีต้อนรับทุกคนให้เสียตังค์ สรุป มันคือ สวรรค์ของคนรัก shopping!

จุดด้อย

1. ต้องยอมรับว่า แม้การเดินทางจะมีตัวเลือกเยอะและสะดวกสบายแต่สนามบินนาริตะก็ "แพ้ระยะทาง" เมื่อเทียบกับสนามบินฮาเนดะ เพราะการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างกรุงโตเกียวหรือย่านชินจุกุเพื่อจับรถไฟไปเมืองอื่นต่อนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา "1 ชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงครึ่งด้วยรถไฟ NEX" แต่ก็ยังดีที่มีรถไฟเอกชน Keisei ที่มีเส้นทางหากินยอดฮิตและวิ่งไวที่สุด จากสนามบินเข้าสู่สถานีอุเอะโนะภายในเวลาเพียง "40 นาที" เท่านั้น (แล้วจะไปต่อรถไฟลงสถานีโตเกียวก็อีกไม่เกิน 10 นาที) ส่วนการเดินทางด้วยรถบัส แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า แต่ถ้าเจอรถติดหนึบก็อาจจะต้องทำใจว่าต้องอยู่บนถนนสองชั่วโมงหรือมากกว่าก็เป็นเรื่องที่พบเจอได้ครับ

2. สนามบินมีนักท่องเที่ยวเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เยอะจนเป็นข่าวและรองรับแทบไม่ไหว โดยเฉพาะคิวตรวจคนเข้าเมืองที่ยาวมากจนแชร์แล้วแชร์อีกทางโซเชียล ซึ่งก็ต้องรอทางญี่ปุ่นแก้ไขกันต่อไปครับ ปกติแล้วด่าน ตม. ที่นี่ก็เผื่อไว้สักหนึ่งชั่วโมงเฉพาะตรงนี้ก็ดีครับ (ถ้ามีเที่ยวบินในประเทศต่อ แนะนำให้เลือกช่วงเวลาต่อเครื่องสัก 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย) อ้อ! และไม่ใช่แค่ติว ตม. ที่คนเยอะนะครับ คิวตอน check in ที่เคาน์เตอร์สนามบินเพื่อจะโหลดกระเป๋ากลับบ้านก็มักยาวเป็นหางว่าวอยู่เสมอโดยเฉพาะเทศกาล อันนี้ก็ได้แต่ทำใจครับ (แนะนำให้ทำ internet check in มาก่อน จะช่วยได้พอสมควร)

คิวยาวเป็นงูเลื้อยก็อารมณ์ประมาณนี้แหละ (ภาพจากสำนักข่าวของญี่ปุ่นนะครับ ตรงนี้ปกติห้ามประชาชนถ่ายภาพ)

3. สินค้าบางอย่างมักจะหมดภายในเวลาอันรวดเร็วจนเติมของไม่ทัน อันนี้มักจะเกิดกับพวกขนมหรือของฝากด้านใน terminal ตอนจะกลับไทยครับ คือ แม้จะมีป้ายบอกจำกัดว่าหนึ่งคนซื้อได้กี่ชิ้นๆ แต่คลื่นมหาชนเข้ามารุมหยิบ แป๊บเดียวก็อาจหมดได้ครับ เราก็ต้องยืนรอไปสักพัก ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็จะมาเติมของครับ (เผื่อเวลากันด้วย มัวแต่รอของมาเติมแล้วตกเครื่องผมไม่รับผิดชอบนะครับ)

ขนมมีให้เลือกเยอะครับ แต่แถวก็จะยาวหน่อยนะ

อนาคตของสนามบิน : สนามบินนาริตะก็เป็นสนามบินที่พยายามผลักดันให้อยู่แถวหน้าของโลกมาตลอด ปัจจุบันนี้แม้ว่าจะมีถึง 3 Terminal แล้ว แต่สนามบินแห่งนี้ก็ยังมีความแออัดอยู่มากรวมทั้งรันเวย์ที่มีแค่ 2 รันเวย์เท่านั้น แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้า สนามบินแห่งนี้ก็วางแผนจะสร้างรันเวย์ที่สามแล้วครับ ส่วนการคมนาคมอื่นๆ ก็จะมีการขยายทางด่วนที่เป็นเส้นทางเข้ากรุงโตเกียวและต่อไปจังหวัดคานากาว่าได้ไวขึ้น แต่เส้นทางรถไฟคงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว อย่างมากก็น่าจะเป็นการปรับกำหนดการเดินรถให้ไวขึ้นบ้าง ทว่าจะไม่มีการสร้างรถไฟสายใหม่เพิ่มขึ้นในเส้นทางนี้เพื่อเข้าสู่โตเกียวครับ

และทั้งหมดที่ผมบอกเล่าให้ฟังก็คือ ข้อมูลจุดเด่นจุดด้อยทั้งสองสนามบินที่ผมเขียนขึ้นมาจากประสบการณ์ของตัวเองที่ใช้บริการมาหลายครั้งแล้วครับ จากนี้ไปก็จะขอสรุปเป็นข้อมูลง่ายๆให้เพื่อนๆได้ตัดสินใจหรือจะสำหรับใครที่เลื่อนลงมาตั้งแต่แรกเพื่ออ่านบทสรุปอย่างเดียวก็เชิญเอาข้อมูลแบบย่อไปพิจารณากันครับ

สรุป

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนก็อาจจะเริ่มมีไอเดียแล้วว่าสนามบินไหนน่าจะถูกใจ (หรือถูกโฉลกกับเงินในกระเป๋า)เรามากกว่ากัน เอาเป็นว่าขอให้เพื่อนๆเลือกกันตามความสะดวกสบายหรือเหตุผลต่างๆนะครับ เพราะไม่มีสนามบินไหนที่ถูกใจทุกคนบนโลกใบนี้หรอกครับ ส่วนใครที่กำลังคิดว่า "แล้วคนเขียนมันจะเลือกสนามบินอะไรล่ะ" ผมก็ขอตอบแบบที่ผมชอบเลยก็แล้วกันนะครับ นั่นก็คือ

"ถ้าขาไป ผมเลือกลงฮาเนดะครับ เพราะบินจากไทยสี่ทุ่มกว่า เวลาถูกใจไม่ดึกมาก ตื่นมาทานข้าวแล้วก็รอเครื่องลดระดับพอดี ที่สำคัญคือ มาลงทางฮาเนดะจะมีโอกาสได้เห็นฟูจิซังแบบสวยๆ เต็มลูกกว่านาริตะครับ อิอิ ส่วนขากลับ ผมเลือกกลับทางนาริตะเพราะเวลาบินตอนเย็นถึงไทยตอนดึกมันถูกใจผม...เหตุผลน่ะเหรอ ก็จะได้ไม่ต้องตื่นมาตีสี่ตีห้าหรือนอนค้างสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องไฟลท์เก้าหรือสิบโมงเช้าไง เท่ากับเรายังมีเวลาเที่ยวครึ่งเช้าในโตเกียวไว้ส่งท้าย จะไปศาลเจ้า ไปเก็บตกหรือไปตระเวนกิน หรือจะแค่นอนตื่นสายๆให้คุ้มค่าโรงแรมก็ทำได้ พอสายก็ check out นั่งรถไฟไปละลายทรัพย์ที่นาริตะได้อีกต่างหาก พอกลับถึงบ้านดึกๆก็นั่งรถกลับบ้าน อาบน้ำนอนเลยตูมเดียวสำหรับผมก็คุ้มสุดละครับแบบนี้"

อย่างไรก็ตาม ขอเตือนมือใหม่ทั้งหลายว่า หากจะทำตามแบบที่โอทารุว่า คุณต้องซื้อตั๋วผ่าน travel agent หรือติดต่อสายการบินโดยตรงนะครับ เพราะหน้าเว็บไซต์ถ้าเราทำรายการเอง ระบบจะบังคับให้ขึ้น/ลงสนามบินเดียวกัน ดังนั้น ถ้าไม่มั่นใจก็ศึกษาให้ดีก่อนจ่ายเงินนะครับ ส่วนใครที่กำลังเลือกใช้ Low Cost ผมบอกแบบฟันธงเลยว่า ถ้าตั้งใจจะประหยัดหรือนิยมตั๋วโปร การขึ้น/ลงนาริตะก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ เพียงแต่คนเยอะตอนจะผ่านด่านกับตอนจะกลับเท่านั้นแหละ 

สรุปอีกทีก็แล้วกันว่า ไม่ว่าจะเลือกลงสนามบินไหนก็คือ ได้เที่ยวโตเกียวเหมือนกันนั่นแหละ ดังนั้น "ไม่ต้องคิดมาก ได้ตั๋วถูกใจ เวลาถูกจริตก็เลือกตามใจเราไปโลดดดดดด" เที่ยวให้สนุกนะครับทุกคน แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์ถัดไปคร้าบบบบบ ^^

------------------------------------------------------------------------

ภาพปกจาก http://www.ycat.co.jp/en/route/narita/narita2ycat.php

ภาพคนต่อคิวด่าน ตม. จาก https://www.japantimes.co.jp/news/2015/03/13/national/customs-clearance-lines-at-naritas-terminal-2-draw-fire/#.WwgwtUiFPIU

ภาพตู้กาชาปอง จาก http://www.thejakartapost.com/travel/2018/04/11/unused-foreign-currency-a-business-opportunity-at-japan-airports.html

ภาพที่เหลือเป็นภาพจากกล้องของโอทารุ มีการลงลายน้ำไว้หมดแล้ว ใครจะเอาไปใช้ ขอความกรุณาแจ้งก่อนนะครับ

------------------------------------------------------------------------

ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร

 

เพื่อนๆสามารถร่วมพูดคุยหรือสอบถามเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นกับผมได้ด้วยการพิมพ์ชื่อ Otaru Taichou ในช่องค้นหาของ Facebook แล้วกดเพิ่มเพื่อนครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปกดตกลงเองครับ!

 

 

คนรักศิลปะห้ามพลาดกับพิพิธภัณฑ์สุดแนวแห่งใหม่บนเกา...
พาขึ้น Tokyo Skytree หอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น