EasyBlog

This is some blog description about this site
ข่าวดี! ห้างดองกี้ (Don Quijote) เตรียมเปิดสาขาในไทยปีหน้า!

ในสัปดาห์นี้โอทารุขอเสนอข่าวเกี่ยวกับญี่ปุ่นในเรื่องธุรกิจห้างสรรพสินค้าซึ่งห้างนี้เป็นห้างที่ขาช็อปชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะห้างสรรพสินค้าที่จะมาเปิดในปีหน้าก็คือ ห้องดองกิโฮเต้ (Don Quijote) หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า ห้างดองกี้นั่นเอง!!!!!! มาตามข่าวความคืบหน้ากันเลยครับ!

หลังจากที่มีข่าวกันมาสักระยะหนึ่ง ในที่สุดห้างดองกี้ก็มีกำหนดเปิดสาขาแรกในประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2018!

เรื่องนี้ นาย Wicha Chengcharoen ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท TOA Venture Holding ได้กล่าวว่า จะมีสองบริษัทย่อยที่เข้ามาบริหารห้างดองกี้ในประเทศไทย คือ บริษัท JCE-TOA จะบริหารในส่วนของห้างสรรพสินค้า ในขณะที่บริษัท TOA-PPIH จะบริหารจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกและอื่นๆที่เกี่ยวข้องในโซนธุรกิจค้าขายของอาคาร

บริษัท TOA Venture Holding ถือเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทผลิตสี TOA ที่มีชื่อเสียงมาช้านานในประเทศไทยและเพิ่งมีการรายงานรายได้รวมทั้งสิ้นในปีก่อนถึง 15,000,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาท)

สำหรับธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท TOA จะเกี่ยวข้องกับสี น้ำตาล สายเคเบิ้ลและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สำหรับธุรกิจสี จะบริหารจัดการโดยบริษัท TOA Paint Plc ซึ่งมีการเข้าสู่ตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา

ส่วนห้างสรรพสินค้าดองกี้นั้น เป็นห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นที่เปิดตัวในปี 1989 และขยายกิจการเรื่อยมาจนกระทั่งมีสาขาในประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 300 สาขา รวมทั้งการขยายไปเปิดที่ฮาวายอีก 4 สาขาด้วย

ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ได้รับความนิยมจากชาวไทยเป็นอย่างมากเนื่องจากมีสินค้าที่หลากหลายประเภทตั้งแต่ขนม เครื่องใช้ต่างๆ ไปจนถึงสินค้าแบรนด์เนมพร้อมกับเสียงเพลงประจำห้างที่เป็นเอกลักษณ์ติดหูเป็นอย่างดี

นาย Wicha กล่าวว่า JCE-TOA จะถือหุ้น 49% ในนามบริษัท Pan Pacific International Holdings Pte Ltd ซึ่งเป็นของบริษัท Don Quijote Group Holding ซึ่งมีฐานปฏิบัติการที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ ส่วน TOA Venture Holding ถือหุ้น 40% และอีก 11% ที่เหลือจะเป็นของบริษัทผู้แทนสัญชาติไทยของบริษัท Nippon Parking Development

ส่วนฝั่ง TOA-PPIH บริษัท Pan Pacific ถือหุ้น 47.5%, TOA Venture 47.5% และ 5% เป็นของ Nippon Parking

โดยสรุปแล้วทั้งสองบริษัทของในเครือ TOA นั้นได้ลงทุนไปแล้วทั้งหมดราว 500 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินที่กล่าวมานั้นยังไม่รวมค่าราคาที่ดินขนาด 3 ไร่ที่เอกมัย ซอย 5 ซึ่งเคยเป็นอดีตที่ตั้งของสำนักงาน TOA Group ด้วย

ขณะนี้การก่อสร้างอาคารมีความคืบหน้าไปแล้วราวๆ 30% โดยอาคารจะมีความสูงทั้งหมด 8 ชั้นและมีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทั้งหมด 26,770 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่เฉพาะด้านการค้าขายประมาณ 10,000 ตารางเมตร โดยราวๆ 2,500 ตารางเมตรจะเป็นส่วนของห้างดองกี้ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 และชั้น 2 ของอาคาร ส่วนชั้นอื่นๆจะประกอบไปด้วยร้านอาหาร ฟิตเนส และศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ

จุดขายหลักของห้างดองกี้ที่ขยายสาขาเข้าสู่ต่างประเทศนั้นจะเน้นการขายปลีกเป็นหลัก ภายใต้สโลแกน "Don Don Donki" ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่สองในภูมิภาคอาเซียนที่มีการเปิดห้างดองกี้ต่อจากสิงคโปร์ (เตรียมเปิดห้างในเดือนธันวาคม 2017)

สำหรับการรวมกลุ่มของบริษัททั้งสามแห่งนั้น จะรวมจุดเด่นของทั้งสามบริษัทให้เป็นเป้าหมายเดียวกัน คือ มุ่งเน้นจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพสูงและการบริการที่เป็นเลิศสไตล์ญี่ปุ่นร่วมกับความเชี่ยวชาญของการบริหารจัดการอาคารพาณิชย์ในประเทศไทยพร้อมทั้งมีการบริหารจัดการที่จอดรถอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

สุดท้ายนี้อาจกล่าวได้ว่า ห้างดองกี้นั้น คือห้างสรรพสินค้าขวัญใจชาวต่างชาติเวลามาเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเพราะมีสินค้าที่หลากหลายและมีจุดแข็งคือ การเปิดให้บริการยันดึกดื่นหรือ 24 ชั่วโมงก็มี สมกับจุดมุ่งหมายของห้างฯที่ตั้งหลักไว้ว่าห้างดองกี้คือห้างที่สามารถสร้างประสบการณ์อันเป็น "ที่สุด" ในใจของทุกคน

**สำหรับผู้อ่านที่อยากรู้ว่า "ห้างดองกี้" คือห้างอะไร ทำไมถึงฮิต สามารถคลิก Link นี้ได้ https://www.ilovejapantours.com/th/blog/24hour-open-shop-injapan

------------------------------------------------------------------

ต้นฉบับข่าวภาคภาษาอังกฤษจาก https://www.bangkokpost.com/business/news/1357067/donki-store-heads-for-bangkok

ภาพประกอบจากแหล่งข่าวเดียวกัน

ภาพปกจาก https://coconuts.co/wp-content/uploads/2017/08/donki.jpg

---------------------------------------------------

ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร?

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากสอบถาม --> เชิญ add friend ทาง Facebook ครับ พิมพ์คำว่า Otaru Taichou ในช่องค้นหา เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเข้าไป add เองครับ

รีวิวการบินไทยจากกรุงเทพสู่นาริตะช่วงฤดูใบไม้เปลี่...
Nabana No Sato: เทศกาลประดับไฟที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่...