EasyBlog

This is some blog description about this site
แนะนำ Hoshinoya Tokyo : เรียวกัง 5 ดาวสุดหรูที่ต้องลองมานอนสักครั้ง

หลังจากที่ไม่ได้กล่าวถึงที่พักที่ติดอันดับความหรูหรามาหลายบล็อก วันนี้โอทารุก็ขอเปลี่ยนแนวมานำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความหรูหราบ้างนะครับ โดยครั้งนี้ผมจะเขียนแนะนำที่พักแห่งหนึ่งซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกเป็นอย่างมาก (แต่ยังไม่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวบ้านเรามากนัก) นั่นก็คือ เรียวกังระดับ 5 ดาว++ ซึ่งมีนามว่า Hoshinoya Tokyo ครับ

ในกรุงโตเกียวนั้นมีที่พักอยู่หลายประเภท แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมแบบตะวันตก ส่วนเรียวกังจะมีเป็นจำนวนไม่มากนักเนื่องจากมีที่ดินจำกัด แต่ก็ยังมีเรียวกังระดับ High-end ส่วนหนึ่งที่เปิดกิจการอยู่ในโซนที่เรียกว่าใจกลางเมืองได้แบบสบายๆ ซึ่งเรียวกัง Hoshinoya Tokyo ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ 

ก่อนอื่นผมขอแนะนำประวัติคร่าวๆของที่พักแห่งนี้ให้ทราบกันแบบพอสังเขป ดังนี้ครับ

Hoshinoya Tokyo นั้น จริงๆแล้วเป็นแบรนด์ luxury แบรนด์หนึ่งของบริษัท Hoshino Resort Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับที่พัก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Karuizawa จังหวัด Nagano ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการที่พักระดับ 5 ดาวที่เน้นความเป็นญี่ปุ่นและบริการที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีทั้งเรียวกัง รีสอร์ต หรือโรงแรมสไตล์ตะวันตก และแบ่งเป็นหลายแบรนด์ย่อย คือ Hoshinoya Kai และ Risonare ส่วนสถานที่ตั้งของที่พักเหล่านี้ก็กระจายอยู่ตามเมืองใหญ่ในญี่ปุ่นที่หลายท่านรู้จักกันดี เช่น Tokyo Nikko Kyoto Karuizawa Fuji รวมถึง Hokkaido นอกจากนี้ทางบริษัทยังขยายสาขาไปเปิดที่ Bali หรือ Taiwan แล้วด้วย (กิจการดีมากจริงๆ) 



สาขาในโตเกียว


สาขาภูเขาไฟฟูจิ


สาขาที่คารุอิซาวะ

​สำหรับบล็อกนี้ ผมขอแนะนำเฉพาะในส่วนของ Hoshinoya Tokyo เท่านั้น เนื่องจากในเครือบริษัทจะมีข้อมูลด้านอื่นๆเยอะมาก ดังนั้นเพื่อความกระชับและเข้าใจง่าย จึงขอเน้นเฉพาะ property ดังกล่าวครับ

ที่ตั้ง

เรียวกังแห่งนี้นับว่าอยู่ใจกลางเมืองโตเกียวที่สุด ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีของญี่ปุ่น รวมทั้งอยู่ในย่านธุรกิจแสนล้านชื่อ Marunouchi ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทข้ามชาติหลายแห่งที่ทุกท่านรู้จักกันดีเช่น Hitachi, Tokio Marine, MUFG Bank, Nippon Steel Sumitomo Metal เป็นต้น นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับรถไฟใต้ดินถึง 4 สายและยังใกล้กับสถานีโตเกียวซึ่งผู้เข้าพักสามารถใช้ชินคันเซนเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆได้โดยสะดวกด้วย

​สำหรับหน้าตาของเรียวกังแห่งนี้ ดูภายนอกอาจจะเหมือนกับตึกตะวันตกทั่วไปแนว modern แต่เมื่อเข้าไปด้านในแล้วผู้เข้าพักจะพบว่ามีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปแน่นอนครับ เพราะด้านในตกแต่งเป็นลายไม้ พร้อมด้วยประตูเลื่อนและเฟอร์นิเจอร์ที่สื่อให้ทราบทันทีเลยว่า "นี่แหละ ญี่ปุ่น" ส่วนพนักงานของที่นี่ก็พูดภาษาอังกฤษหรือภาษาที่สามได้เป็นอย่างดี ซึ่งทุกคนยินดีที่จะต้อนรับแขกผู้เข้าพักที่นี่กันอย่างเต็มที่ โดยทันทีที่ผู้เข้าพักได้ก้าวเข้าไปด้านในและปิดประตูแล้ว เสียงจากภายนอกจะเงียบลงราวกับว่าได้เข้าสู่อีกโลกหนึ่งที่ปราศจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่และผู้เข้าพักจะได้รับรู้ถึงบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว สงบ และผ่อนคลายทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำผู้เข้าพักไปถอดรองเท้าและฝากไว้ในช่องรองเท้าที่ทำจากไม้และให้เปลี่ยนเป็นรองเท้าของเรียวกังแทน จากนั้นเมื่อเข้าห้องพักแล้วผู้เข้าพักก็จะได้พบกับหน้าตาของห้องพักตามประเภทต่างๆที่จองไว้

​ในส่วนของห้องพักประเภทต่างๆนั้น ผมขอสรุปให้ทราบข้อมูลดังนี้

1.Kiku (Executive Triple) : เป็นห้องแบบที่ใหญ่ที่สุดในเรียวกังแห่งนี้ รองรับผู้เข้าพัก (ผู้ใหญ่) ได้สูงสุด 3 ท่าน ด้านในตกแต่งแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย ที่ไม่ได้เน้นปริมาณของเฟอร์นิเจอร์ แต่จะเน้นการตกแต่งที่โปร่ง โล่งและให้ความรู้สึกโอ่โถง พร้อมด้วยโซฟาที่สามารถนอนได้ สำหรับห้องน้ำก็ออกแบบให้มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่พร้อมฝักบัวและหน้าต่างยังสามารถเปิดรับลมด้านนอกได้ด้วย

*ขนาดห้องพัก 83 ตารางเมตร

2.Yuri (Corner Deluxe King) : เป็นห้องพักขนาดกลางที่เหมาะสำหรับคู่รัก ในห้องปูพื้นด้วยเสื่อตาตามิพร้อมเตียงนอนขนาดใหญ่และยังมีโซฟาที่ทำจากไม้สนไซปรัส นอกจากนี้ห้องประเภทดังกล่าวยังได้รับการออกแบบให้มีทิศทางของแสงที่เหมาะสมเพื่อให้ห้องพักมีความสว่างได้อย่างลงตัว ส่วนห้องน้ำก็มีขนาดกว้างขวางและมาพร้อมกับอ่างอาบน้ำที่สามารถแช่ทั้งตัวได้อย่างสะดวกสบายเป็นที่สุด

*ขนาดห้องพัก 46-49 ตารางเมตร

3.Sakura (Deluxe King, Deluxe Twin) : เป็นห้องพักระดับพื้นฐานของเรียวกังแห่งนี้ แต่การตกแต่งก็ไม่เป็นสองรองใครด้วยวัสดุคุณภาพจากไม้ชั้นเลิศ พร้อมพื้นห้องทำจากเสื่อตาตามิ เสริมด้วยเตียงนอนที่สามารถเลือกได้ทั้งเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่หรือเตียงคู่และได้รับการออกแบบให้แบนราบเกือบติดพิ้นห้องเพื่อให้ความรู้สึกเหมือนการนอนฟูกในแบบฉบับของญี่ปุ่นแท้ๆ

*ขนาดห้องพัก 41-47 ตารางเมตร

นอกจากห้องพักที่ๆได้รับการออกแบบอย่างดีแล้ว เมื่อกล่าวถึง facilities ของเรียวกังแห่งนี้ก็เป็นที่กล่าวถึงกันอย่างกว้างขวางถึงหลักการออกแบบที่คำนึงถึงการได้รับประสบการณ์ความเป็นญี่ปุ่นอย่างมากครับ กล่าวคือ ทุกๆชั้นของห้องพักจะมี Ochanoma Lounge หรือพูดภาษาบ้านๆก็คือ "Lounge ประจำชั้นสำหรับแขกที่พักในชั้นนั้นให้เข้ามาใช้บริการได้" โดยภายในจะมีการเสิร์ฟชาญี่ปุ่นและขนมญี่ปุ่นทั่วไปตลอดวัน รวมทั้งผู้เข้าพักสามารถใช้ Lounge ประจำชั้นนี้เป็นที่พบปะแขกผู้อื่นหรือจะใช้เป็นห้องนั่งเล่นก็ได้ ท่านใดที่กำลังมองหา onsen ในเรียวกังแห่งนี้ก็ไม่ต้องกลัวนะครับ ที่นี่ก็มีให้บริการเหมือนกัน แถมยังมีบริการสปาอีกต่างหาก เรียกได้ว่ามาเรียวกังนี้ได้ทั้งการผ่อนคลายและบำรุงผิวพรรณอย่างแน่นอน 

ผมขอกล่าวในส่วนของออนเซนสักหน่อยว่า ออนเซนที่นี่ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรียวกัง โดยมีทั้งแบบ indoor และ outdoor (แยกเพศ) โดยน้ำแร่ที่ใช้ในบ่อนั้นมีการสูบขึ้นมาจากใต้ดินที่มีระดับความลึกถึง 1,500 เมตรเลยทีเดียว โดยแร่ธาตุในนี้นับว่ามีประโยชน์ต่อการบำรุงผิวพรรณเป็นอย่างมาก ส่วนตัวบ่อนั้น จะออกแบบให้มีลักษณะเหมือนอุโมงค์คือ เมื่อเราเข้ามาในโซน indoor แล้วจะย้ายไปบ่อ outdoor นั้นก็จะต้องผ่านทางเชื่อมที่ทำเหมือนอุโมงค์จากนั้นพอถึงบ่อ outdoor เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็จะพบกับช่องแสงขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าของกรุงโตเกียวหรือสัมผัสอากาศภายนอกได้ทันที! 

ส่วนท่านใดที่รักการออกกำลังกายหรือนิยมเข้า Fitness ที่นี่ก็มีบริการทั้งสระว่ายน้ำเช่นกันครับ

ทั้งนี้ ผมขอกล่าวถึงห้องอาหารภายในเรียวกังแห่งนี้สักหน่อย ว่าที่นี่จะเน้นอาหารญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยผู้เข้าพัดสามารถเลือกรับประทานอาหารสไตล์ญี่ปุ่นหรือแบบตะวันตกสำหรับมื้อเช้าได้ โดยการรับประทานนั้นจะเสิร์ฟให้ "ในห้องพัก" โดยที่ผู้เข้าพักไม่ต้องออกไปไหนเลย ส่วนอาหารเย็นจะเป็นอาหารญี่ปุ่นในสไตล์ที่หรูหราซึ่งเมนูจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลที่ผู้เข้าพักได้ทำการจองกับเรียวกัง สำหรับพ่อครัวของที่เรียวกังแห่งนี้นั้น ขอบอกเลยว่า หัวหน้าเชฟคือ คุณ Noriyuki Hamada ซึ่งเป็นเชฟที่ได้รับรางวัลขนะเลิศด้านอาหารในระดับโลกมาแล้วมากมายหลายครั้ง (เชฟ Noriyuki ได้รับรางวัลเหรียญทองชนะเลิศอาหารประเภทปลาด้วย) ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าอาหารแต่ละจานที่รังสรรค์มาให้รับประทานนั้นล้วนแต่ใช้วัตถุดิบชั้นเลิศและผ่านการตรวจสอบมาแล้วจากเชฟมือฉมังนั่นเอง!

​สุดท้ายคงเป็นเรื่องที่ทุกท่านอยากทราบ นั่นคือ เรื่องของ "ราคา" ซึ่งโอทารุเองก็ขอกล่าวเป็นภาพรวมก่อนว่าจริงๆแล้วที่พักในญี่ปุ่นก็เหมือนๆกับทั่วโลกคือมีทั้งช่วง Low Season และ High Season รวมทั้งอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงที่จะเข้าพักซึ่งราคาสามารถเปลี่ยนแปลงไปมาได้ตามโอกาสต่างๆ ดังนั้น หากจะเข้าพักก็แนะนำให้ตรวจสอบกับทางเรียวกังหรือ agency ที่เราใช้บริการอีกทีก็จะเป็นการดีครับ

1.ค่าห้องพัก Kiku : เริ่มต้นที่ประมาณ 45,000 บาทขึ้นไป ต่อห้องต่อคืน (เรทสามคน/รวมอาหารเช้าแบบ Light Breakfast)

2.ค่าห้องพัก Yuri : อยู่ที่ประมาณ 25,000 - 48,000 บาท ต่อห้องต่อคืน (เรทสองคน/รวมอาหารเช้าแบบ Light Breakfast)

3.ค่าห้องพัก Sakura : อยู่ที่ประมาณ 23,000 - 44,000 บาท ต่อห้องต่อคืน (เรทสองคน/รวมอาหารเช้าแบบ Light Breakfast) 

*ราคาดังกล่าวเป็นราคาคร่าวๆ ก่อนทำการจองควรตรวจสอบราคาที่แน่นอนอีกครั้ง

​และทั้งหมดนี้ก็คือบล็อกแนะนำเรียวกังสุดหรูนามว่า Hoshinoya Tokyo ที่ผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับสายกินหรูอยู่สบายครับ หากถูกใจก็ลองติดต่อที่เรียวกังแห่งนี้ได้หรือท่านใดที่ไม่อยากติดต่อเองแต่ต้องการความสะดวกสบายพร้อมด้วยการบริการแบบ VIP มีไกด์ส่วนตัวรวมทั้งต้องการให้จัดวางเส้นทางท่องเที่ยวและจองที่พักต่างๆให้สมบูรณ์ตามความต้องหรือแบบจัดเฉพาะกรุ๊ปส่วนตัวเท่านั้นก็สามารถติดต่อบริษัททัวร์ส่วนตัวเที่ยวญี่ปุ่น VIP ได้นะครับ บริษัทนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ชินจุกุและขณะนี้ได้มาเปิดสาขาที่เมืองไทย ณ สุขุมวิท ซอย 1 (ถัดจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพียง 200 เมตร) รับรองได้ว่า บริษัทนี้มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดทัวร์แบบ VIP แน่นอนครับ! 

ข้อมูลและที่มาของภาพประกอบจาก booking.com, interiordesign.net, hoshinoresorts.com และ hoshinoya.com

แนะนำ 9 อาหารน่าลองในแถบโตเกียว
Updated การสร้างโซนใหม่ใน Tokyo Disneysea