สวัสดีครับทุกท่าน สัปดาห์นี้โอทารุจะพาทุกท่านเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติครับ นั่นก็คือ เกาะอาวาจิ (Awaji-Shima) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซ!
สำหรับเกาะอาวาจินั้น มีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเฮียวโงะครับ หากท่านใดยังไม่คุ้นชื่อ ผมก็บอกให้ง่ายๆเลยครับ มันคือ เมืองโกเบ นั่นแหละ เพียงแต่โกเบเป็นชื่อเมืองหลวงของจังหวัดเฮียวโงะครับ ส่วนเกาะอาวาจิก็เป็นอารมณ์แบบอำเภอถ้านับตามการปกครองแบบที่เราคุ้นเคยนั่นเอง! โดยเกาะอาวาจินั้น ปัจจุบันถือเป็นเกาะที่ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาพักผ่อนหลีกหนีวามวุ่นวายกันพอสมควรครับ เพราะมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโกเบหรือจะมาจากโอซาก้าก็ใช้เวลาไม่นานครับ ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวพร้อมกับโรงแรมผุดขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยเลยล่ะครับ นอกจากนี้เกาะอาวาจิยังใช้เป็นทางผ่านไปสู่เกาะชิโกกุได้อีกทางหนึ่งด้วยล่ะครับ ว่าแล้วก็เอาหน้าตาของเกาะแห่งนี้ไปชมกันก่อนนะครับ
เกาะอาวาจิ 1
ที่เกาะอาวาจิ มีวิวสวยๆพร้อมออนเซนให้แช่แบบนี้ด้วยครับ
เกาะอาวาจิ 2
สวนดอกไม้ Yumebutai สร้างขึ้นหลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวฮันชินเมื่อปี 1995 โดย Tadao Ando สถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่น
เกาะอาวาจิ 3
สะพานข้ามทะเลในเซโตะของญี่ปุ่น ด้านล่างก็คือ วังน้ำวนนารุโตะ อันโด่งดังครับ
โดยรวมแล้วต้องบอกว่าเกาะอาวาจิแห่งนี้เน้นธรรมชาติครับ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศาลเจ้าหรือปราสาทเก่า(ที่สร้างใหม่) จำนวนหนึ่ง ส่วนอาหารการกินในเกาะนี้ก็สมฐานะมากๆ เพราะที่เกาะแห่งนี้ก็มี "เนื้อโกเบ" อันเลื่องชื่อคอยให้บริการนักท่องเที่ยวเช่นกันครับ นอกจากนี้ขึ้นชื่อว่าเกาะแล้ว ก็ต้องมีชายหาดเช่นกัน โดยที่เกาะแห่งนี้มีหาด Keino Matsubara เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะด้วยครับ
ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงการพักผ่อนแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้บนเกาะแห่งนี้ก็คือ "ที่พัก" ใช่แล้วครับ ที่พักบนเกาะแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเน้นเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ประเภทของที่พักที่เราจะพบเจอบนเกาะแห่งนี้ก็คือ โรงแรมแบบ 4-5 ดาวและเรียวกัง ซึ่งเป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่นครับ (งานนี้แบ็คแพ็คเกอร์อดครับ)
และในวันนี้โอทารุก็จะมาแนะนำที่พักแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าจะต้องถูกใจท่านผู้อ่านที่กำลังแสวงหาเส้นทางแปลกใหม่ในญี่ปุ่นและที่พักแบบสบายๆแน่นอนครับ โดยสถานที่นั้นก็คือ Hotel New Awaji ซึ่งเป็นที่พักแบบเรียวกังในสไตล์ Modern ที่ผสมผสานกลิ่นอายของห้องพักแบบตะวันตกร่วมกับการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นที่ให้บรรยากาศผ่อนคลายอย่างลงตัวครับ
สำหรับผู้ที่เข้าพักที่นี่สามารถเลือกได้ว่าจะนอนแบบ Villa ส่วนตัวที่มีขนาดห้องกว้างมากๆ เริ่มที่ขนาด 80 ตารางเมตร ไปจนถึงห้องพักขนาด 180 ตารางเมตร โดยห้องพักแบบ Villa จะมาพร้อมกับวิวทะเลญี่ปุ่นทุกห้องพร้อมบ่อออนเซน "ส่วนตัว" ให้เราแช่ได้ตลอดเวลา ส่วนห้องพักธรรมดานั้น ที่นี่ก็มีขนาดที่กว้างขวางกว่าในโตเกียวหรือโอซาก้าชนิดที่เทียบกันไม่ติด เพราะห้องพักแบบธรรมดานั้นก็มีพื้นทีมากถึง 70 ตารางเมตรเช่นกัน! ดังนั้น หากท่านใดที่กังวลว่าห้องจะเล็กหรือเปล่า ครอบครัวมีกระเป๋าใหญ่ มีเด็กเล็ก มีผู้สูงอายุมาด้วย กลัวจะคับแคบเดินลำบาก ก็ขอให้คลายกังวลในข้อนี้ได้เลยครับ ที่นี่ขนาดห้องถือว่าเป็นเลิศมากจริงๆ ว่าแล้วก็เชิญดูภาพประกอบกันได้เลยครับ!
นอกจากห้องพักที่กว้างขวางและบ่อออนเซนแบบส่วนตัวแล้ว ผู้เข้าพักยังสามารถเลือกแช่บ่อออนเซนรวม (แยกเพศชายหญิง) หรือจะเช่าบ่อออนเซนแบบส่วนตัวบนดาดฟ้าของโรงแรมเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ครับ ส่วนท่านใดที่ยังไม่กล้าแช่บ่อรวม จะเลือกบ่อแช่เท้าอย่างเดียวก็ได้ไม่ผิดกติกาแต่ประการใดครับ!
สิ่งสำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในที่พักแห่งนี้ก็คือ อาหาร ครับ แน่นอนว่าอาหารของที่นี่ก็จัดเต็มไม่แพ้ร้านอาหารอื่นๆบนเกาะใหญ่ครับ ขอให้ทุกท่านไม่ต้องคิดตามความเชื่อที่ว่า อาหารตามโรงแรมมักจะไม่อร่อย ผมขอบอกเลยว่า ที่ญี่ปุ่นน่ะ ความเชื่อแบบนั้นไม่เป็นความจริงครับ เพราะชาวญี่ปุ่นเป็นชาติที่พิถีพิถันในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง การประกอบอาหารก็เช่นกันครับ พวกเขาจะตั้งใจทำอย่างเต็มที่ที่สุด มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกับผู้เข้าพักและจะทำให้ชื่อเสียงของที่พักลดลงด้วย ดังนั้น โอทารุขอบอกเลยว่า อร่อยแน่นอนครับ!
เมนูที่ผมขอแนะนำทุกท่านก็คือ คอร์สเนื้อโกเบครับ เพราะเนื้อวัวของที่นี่คือที่สุดของคุณภาพแน่นอน นอกจากนี้วัตถุดิบต่างๆก็ล้วนคัดสรรมาอย่างดี เช่น หัวหอม มะเขือเทศ ผักกาดหอม ที่ปลูกบนเกาะแห่งนี้โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ นอกจากนี้ยังมีข้าวสายพันธุ์ดีที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุในดินส่งผลให้ข้าวของอาวาจิเป็นข้าวที่มีคุณภาพและได้รับการบันทึกไว้ตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนครับ ส่วนท่านใดที่ไม่รับประทานเนื้อวัวนั้น อาหารประเภทปลาก็ถือว่าสดเพราะจับขึ้นมาสดๆจากในทะเลกันเลยครับ!
และเมื่ออ่านมาถึงย่อหน้านี้ ผมเชื่อว่าหลายท่านน่าจะเริ่มสนใจจะเดินทางมาที่เกาะแห่งนี้กันแล้วใช่ไหมครับ ผมก็ขอบอกวิธีการเดินทางแบบคร่าวๆ จำนวนสองวิธีก็คือ
1. นั่งรถบัสจากสถานี Sannomiya ในเมืองโกเบ ประมาณ 45 นาทีครับ จากนั้นก็จะถึงเกาะ หากจองโรงแรมไว้แล้ว ขอแนะนำให้โรงแรมส่งรถมารับที่จุดนัดพบครับ เพราะการเดินทางด้วยรถสาธารณะบนเกาะแห่งนี้ไม่สะดวกมากนัก
2. เช่ารถจากเมืองโอซาก้าหรือโกเบ วิธีนี้จะสะดวกที่สุดเพราะเกาะอาวาจิแทบไม่มีรถสาธารณะเลยครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอแนะนำว่า สำหรับท่านใดที่ไม่อยากเดินทางเอง อยากเดินทางแบบกรุ๊ปส่วนตัวหรือต้องการคนขับรถพร้อมไกด์เที่ยวเฉพาะครอบครัว ผมขอให้คลิกที่นี่ เพื่อติดต่อกับบริษัททัวร์ที่เชี่ยวชาญการจัดทัวร์เฉพาะกลุ่มของเราครับ บริษัทที่ว่านี้เปิดมากว่า 12 ปีและปัจจุบันมีสาขาอยู่ในประเทศไทยด้วย ยังไงลองติดต่อดูนะครับ ส่วนตัวโอทารุเองก็ขอตัวไปค้นคว้าข้อมูลท่องเที่ยวต่างๆเพื่อนำเสนอทุกท่านในสัปดาห์ถัดไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ!!!
ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร
เพื่อนๆสามารถร่วมพูดคุยหรือสอบถามเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นกับผมได้ด้วยการพิมพ์ชื่อ Otaru Taichou ในช่องค้นหาของ Facebook แล้วกดเพิ่มเพื่อนครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปกดตกลงเองครับ!
