EasyBlog

This is some blog description about this site
พาเที่ยว KANAZAWA ใน 1 วันพร้อมชมซากุระ

ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นก็ถือว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิกันแล้วนะครับ เพื่อนๆที่น่ารักของผมมีใครกำลังรอบินไปชมซากุระอันแสนงามอยู่บ้างเอ่ย?? ไม่แน่ว่าเราอาจได้พบกันที่ญี่ปุ่นก็ได้นะครับ อิอิ ^^ สำหรับบล็อกนี้ โอทารุเจ้าเก่าจะพาท่านผู้อ่านเดินทางไปเมือง Kanazawa เพชรน้ำเอกของภูมิภาคจูบุที่กำลังเนื้อหอมอย่างที่สุดหลังจากที่รถไฟชินคันเซนได้เปิดให้บริการเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองครับ เอาล่ะ ไม่ต้องกล่าวอะไรแล้ว คลิกอ่านต่อกันเลยยยยย!

สำหรับเมือง Kanazawa ที่ผมจะพาเพื่อนๆผู้อ่านไปทำความรู้จักนั้นมีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอิชิกาวะ ถ้าเอาแบบแถวที่คนรู้จักก็คือ ไม่ไกลจากหมู่บ้านชิราคาวาโกะมากนักครับ นั่งรถบัสราวๆ ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว หรือถ้าใครมาจากโตเกียวก็ยิ่งง่ายใหญ่ เพราะใช้เวลาเท่ากับขับรถกรุงเทพ-ชะอำ ด้วยระยะเวลาราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง!

ปัจจุบันเมือง Kanazawa ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติก็เดินทางมาที่เมืองแห่งนี้เป็นจำนวนมากขึ้นๆ เพราะเมืองนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ ปราสาท วัดวาอารามก็มีพร้อม แถมยังมีหนึ่งในสุดยอดของประเทศ นั่นคือ สวน Kenrokuen ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็น Top 3 ของสวนญี่ปุ่นด้วยครับ ยัง! ยังไม่พอ ที่ Kanazawa ก็มีย่านเก่าแก่ที่มีเกอิชาแบบเกียวโตอยู่อีกต่างหาก แล้วก็ยังมีที่ละลายทรัพย์สำหรับสายกิน นั่นก็คือ ตลาดปลา Omicho ซึ่งปลาที่ตลาดนี้ก็สดๆทั้งนั้นครับ! อ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว คงอยากรู้กันแล้วสินะครับ ว่าโอทารุจะแนะนำที่ไหนบ้าง ตามมาโลด!

โอทารุได้มีโอกาสมาที่เมืองน่ารักแห่งนี้ตอนช่วงสงกรานต์ปี 2016 ครับ ซากุระยังมีบานอยู่บ้างตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แม้จะมาช้าไปพอสมควรแต่บางต้นก็ยังยืนท้าฝนให้ผมได้มีโอกาสถ่ายรูปครับ แต่ขอบอกสักนิดนึงว่า เนื่องจากทริปครั้งนั้น ผมมีเวลาพักที่ Kanazawa เพียงคืนเดียว ดังนั้นนี่จึงเป็นที่มาของบล็อกนี้ครับ เพราะรอบนี้ผมเก็บสถานที่สำคัญที่สุดของเมืองไว้ก่อน มีโอกาสจะต้องมาซ่อมแน่นอน ส่วนจะมีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง เลื่อนลงมาอ่านได้เลยคร้าบบบ

การเดินทางของทริปนี้ ผมเริ่มจากเมือง Takayama ที่เพื่อนๆชาวไทยรู้จักกันดี โดยผมนั่ง Nohi Bus จากท่ารถมุ่งหน้ามาที่เมือง Kanazawa ซึ่งจะแวะที่ชิราคาวาโกะด้วยครับ โดยผมเลือกเที่ยวรถ รอบ 7:50 น. (ต้องจองที่นั่งล่วงหน้า) และรถบัสจะทำการจอดแวะที่ชิราคาวาโกะประมาณ 10 นาทีครับ (ใครจะเข้าห้องน้ำ ต้องวิ่งหน่อย) ก่อนเดินทางต่อตามเวลาและถึงจุดหมายที่ท่ารถเมือง Kanazawa ตอนประมาณ 10 โมงครับ (เวลาอาจเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คตารางรถบัสได้ที่นี่ https://www.nouhibus.co.jp/english/routebus/)

ตั๋วรถบัส Nohi Bus ครับ ผมมาจริงนะครับ ไม่ได้นั่งเทียนแน่นอน!

เมื่อมาถึงที่เมือง Kanazawa แล้ว ผมก็ลากกระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมที่พักก่อน โดยคืนนี้ ผมจะพักที่โรงแรม APA Kanazawa-ekimae ซึ่งมีทำเลที่ดีมากๆๆๆ เพราะอยู่ติดกับสถานี JR Kanazawa เลยล่ะครับ (หน้าตาห้องไว้ตอนท้ายบล็อก) และเมื่อทำการฝากกระเป๋าเรียบร้อย ก็ได้เวลา "เติมพลังกันก่อนเลย" ซึ่งผมจะพาไปเติมพลังด้วยอาหารทะเลสดๆที่ตลาดปลา Omicho ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีมากนักครับ!

ตลาดปลา Omicho

การเดินทางมาที่ตลาดปลาแห่งนี้ ทำได้หลายวิธี สำหรับวิธีที่ประหยัดที่สุดก็คือ เดิน ส่วนประหยัดแรงก็ รถเมล์ และแบบถึงไวสุด คือ Taxi ครับ รอบนี้โอทารุเลือกนั่ง Taxi เพราะมากันสามคน หารค่ารถแล้วคุ้มอยู่ครับ (ค่ารถจากสถานี JR ราวๆ 800 เยน)

ด้านหน้าครับ ดูไม่เหมือนตลาดแบบบ้านเราใช่ไหมล่ะ!

ภายในตลาดปลาแห่งนี้ บรรยากาศก็คล้ายๆ ถนนคนเดินที่มีหลังคาแบบเมืองอื่นๆในญี่ปุ่นครับ คือ จะมีร้านรวงวางขายอาหารทะเลในราคาที่โดนใจเพียบ ใครชอบกุ้ง หอย ปู ปลาดิบ (ปลาสุกก็มี) มาที่นี่ยังไงก็ได้ทานแน่นอนครับ!!! สำหรับผมเองนั้น ก็ลองเลือกดูหลายๆร้านเพราะของบางอย่างจะแตกต่างกันไปครับ แต่ร้านที่อยู่ใกล้ๆกับทางเข้าจะของหมดไวกว่าร้านที่อยู่ด้านในนะ ส่วนราคาก็ถือว่ายุติธรรมครับ มีป้ายราคาบอกชัดเจน "ไม่ต้องกลัวหัวขาดหรือเลือดออก" สบายใจได้ครับ

นี่ของโปรดผมครับ ปลาไหลย่าง! 

ร้านนี้เน้นขายหอยนางรมครับ มีขนาดต่างๆให้เลือกมากมาย

ใครเป็นสาย(กิน)ปู ก็เชิญได้ครับ มีหลายขนาดหลายราคาให้เราเลือกหม่ำครับ

สำหรับร้านเหล่านี้ บางร้านก็จะมีโต๊ะไว้ให้นั่งทานเลย บางร้านก็สามารถยืนทานตรงหน้าร้านแล้วยื่นจานคืนให้ร้านทิ้งได้เลยครับ แต่ถ้าร้านไหนไม่มีที่นั่งเราก็สามารถลงไปที่ห้าง Omicho-Ichibakan ที่อยู่ใกล้ๆตลาดปลาได้ (ทางเข้าจะลึกลับนิดนึง) แล้วให้เดินลงไปชั้นใต้ดิน จะมีโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารที่ซื้อมาอยู่ประมาณ 5 โต๊ะครับ ใกล้ๆกันมีห้องน้ำและซุปเปอร์มาร์เกตด้วยล่ะ 

ปราสาท Kanazawa

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ผมก็เดินลงมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 10 นาทีก็จะเจอกับสวนชั้นนอกของปราสาท Kanazawa แล้วครับ (คนละที่กับสวน Kenrokuen อย่าสับสน!) ในสวนของปราสาทก็มีอาณาเขตกว้างขวางมาก และมีที่นั่งเป็นระยะให้ได้พัก คนญี่ปุ่นที่นี่ก็มีที่นั่งเล่นหรือไม่ก็ชมวิวไปเรื่อยเหมือนกันครับ 

นี่แหละครับประตู Kahokumon ใหญ่หรือไม่ เทียบกับคนที่กำลังเดินเข้ามาดูครับ

จากนั้นเดินเข้ามาอีกไม่ไกลก็จะเจอประตู Kahokumon ซึ่งมีความใหญ่โตและน่าเกรงขามดีครับ ด้านบนประตูนี้จะเป็นหอคอยที่สามารถเดินเข้าไปชมได้ครับ ด้านในจะจัดแสดงวิธีบูรณะประตูแห่งนี้ให้กลับมาเหมือนสมัยก่อนครับ (ชมฟรี)

ด้านในของประตูครับ เข้าชมฟรี!

และเมื่อผ่านประตูดังกล่าวเข้ามาแล้วก็จะเข้าสู่ลานโล่งและจะสามารถมองเห็นตัวปราสาท Kanazawa ได้ครับ ซึ่งปราสาทที่เห็นนี้ไม่ใช่ปราสาทที่มีหลายชั้น แต่ปราสาทที่นี่มีแค่ 2 ชั้นเท่านั้นเอง (แต่หอสังเกตการณ์จะมี 3 ชั้น) ว่าแล้วก็เดินเข้าสู่ปราสาทกันเลยครับ สำหรับด้านในก็จะเป็นประตูขนาดใหญ่และมีเนินเล็กๆให้เดินขึ้นไปครับ

เตรียมเข้าปราสาทกันครับ!

ส่วนการเข้าชมภายในปราสาท ที่นี่จะแปลกนิดนึง คือ ที่ขายตั๋วชมภายในของปราสาทจะอยู่ที่ซุ้มด้านนอก ไม่ได้อยู่ขายตรงทางเข้าภายในปราสาทแบบบางแห่งนะครับ ถ้าใครคิดว่าจะ "ตีเนียน" เดินเข้าไปชมเลยโดยไม่ซื้อบัตรก็อยากจะบอกว่า "ไม่รอดหรอก เพราะตรงทางเข้าชมจะมีเจ้าหน้าที่ยืนรอตรวจตั๋วเลย เนียนไม่สำเร็จหรอกนะ อย่าทำ!!" สำหรับค่าเข้าชมปราสาทนั้น มีให้เลือกหลายแบบครับ ทั้งแบบชมปราสาทอย่างเดียว หรือชมสวน Kenrokuen พร้อมปราสาทก็มี ซึ่งผมก็เลือกตั๋ว Combo คือ ตั๋วชื่อ Kenrokuen Plus One Ticket ราคา 500 เยน ซึ่งตั๋วนี้จะมีความพิเศษตรงที่เราสามารถเข้าชมสวน Kenrokuen ได้หนึ่งที่และสามารถเลือกที่เที่ยวอื่นๆในเมือง Kanazawa ได้อีกหนึ่งที่ (ที่เที่ยวอื่นๆที่ว่าหมายถึงพวก Museum ของเมืองทั้งหลายครับ) และพิเศษกว่าก็คือ ตั๋วนี้มีอายุ 2 วัน! นั่นคือ ถ้าวันนี้เราเข้าสวนแล้วเกิดติดใจ พรุ่งนี้มาเข้าใหม่ได้อีกรอบโดยไม่เสียเงินจ้า!!!

ส่วนใครที่สงสัยว่าแล้วถ้าจ่ายเพียวๆ แต่ละที่ จะเสียค่าเข้าเท่าไหร่ บอกให้เลยครับว่า ค่าเข้าปราสาท Kanazawa ในโซนนี้ คิด 310 เยน ส่วนค่าเข้า Kenrokuen ก็อีก 310 เยน รวมสองที่นี้ 620 เยน เท่ากับว่าถ้าเราซื้อตั๋ว Combo เราก็ประหยัดไปแล้ว 120 เยนครับ 

เอาล่ะ มาดูด้านในของปราสาทกัน ทั้งนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าภายในปราสาทที่เราเข้ามาดูนั้นเป็นส่วนของที่เก็บสิ่งของต่างๆ (Storehouse) ไม่ใช่หอรบใหญ่ๆแบบปราสาทโอซาก้าหรือปราสาทฮิเมจินะครับ ส่วนคำถามที่ว่าหอรบใหญ่ของปราสาท Kanazawa ไปไหน ต้องบอกว่า "ไฟไหม้ไปหมดแล้วจ้า" ส่วนภายในที่เราเข้าชมอยู่นี้ก็เพิ่งสร้างใหม่และเปิดให้เข้าชมได้เมื่อปี 2001 นี่เอง อ้อ! ลืมบอกอีกอย่างว่าด้านในต้องถอดรองเท้าแล้วหิ้วใส่ถุงพลาสติกไปด้วยนะครับ (ดูภาพประกอบด้านบน) พอจะออกก็ค่อยใส่คืน

เห็นไหมครับ ต้อง "หิ้วถุง" ทุกคน

สำหรับภายในของปราสาทนั้น ส่วนใหญ่จะแสดงถึงภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่นในการสร้างปราสาทแบบดั้งเดิมที่ "ไม่ใช้ตะปู" แต่จะใช้การประกบไม้ให้เข้ากับชิ้นส่วนอื่นๆแทน นอกจากนี้ยังแสดงวัตถุโบราณที่ค้นพบจากบริเวณปราสาทแห่งนี้ด้วยครับ

ที่นี่ไม่ใช้ตะปูนะครับ แถมเขาให้เราจับเล่นได้ด้วยนะ บอกได้เลยว่า "ต้องลองครับ" 

วัตถุโบราณครับ

ส่วนหอสังเกตการณ์ที่อยู่ภายใน เราสามารถเดินขึ้นไปดูได้ครับ ด้านบนก็จะเห็นวิวของลานด้านนอกปราสาทที่เราเพิ่งเดินกันมาได้ครับ ยังไงระวังเรื่องบันไดให้ดี เพราะบันไดแบบปราสาทญี่ปุ่นจริงๆนั้นค่อนข้างชันทีเดียวครับ 

ทีนี้ถ้ามีคนถามว่า "แล้วคุ้มค่าเข้าป่ะ" อันนี้ส่วนตัวโอทารุเองก็ต้องบอกว่า "ถ้าคุณชอบปราสาทหรือของโบราณ(แบบผม) การจ่ายเงินหนึ่งร้อยบาทเข้ามาดูภูมิปัญญาคนโบราณและ interior ที่นี่ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือเสียเวลาครับ" แต่... "ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบประวัติศาสตร์เลย เอาแค่ถ่ายรูปเป็นหลักฐานว่ามาถึงแล้ว อันนี้ไม่ต้องเข้าก็ได้ครับ เอาเวลาไปเดินเล่นในสวน Kenrokuen แทนจะดีกว่า"

เมื่อผมออกมาจากด้านในแล้ว ก็เดินอ้อมขึ้นเนินของปราสาทที่อยู่ด้านหลังไปอีก ก็ได้พบเจอกับที่เก็บของทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ อีกครับ แต่ตึกนี้ไม่ให้เข้าชม ก็เลยถ่ายรูปซากุระแถวๆนั้นแก้เซ็งแทนก็แล้วกัน

จากนั้นยังมีโซนให้เดินเข้าไปในป่าโปร่งอีกนิดหน่อยซึ่งไม่อันตรายหรือเปลี่ยวครับ เดินเข้าไปได้ สังเกตข้างทางที่มีต้นไม้เยอะๆ ก็จะมีป้ายแปะไว้ว่าบริเวณนี้แหละเคยเป็นที่ตั้งของหอรบหลักในอดีตและมีจุดชมวิวนั่งพักให้เรามองดูผู้คนจากด้านบนนี้ด้วยครับ

วิวมุมสูงครับ!

จากนั้นผมก็เดินลงมาที่ทางออกของปราสาทเพื่อเดินทะลุประตู Ishikawamon เพื่อเดินไปที่สวน Kenrokuen ต่อไปครับ (ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องข้ามถนนนะครับ เขาทำสะพานลอยข้ามไปที่สวนให้เลย เก๋มากๆครับ)

สวน Kenrokuen

สำหรับสวน Kenrokuen แห่งนี้ ขอย้ำกันอีกสักครั้งว่า เป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยงามที่สุด ติดอันดับ Top 3 ของประเทศญี่ปุ่นครับ เพื่อนๆจะเห็นรูปโฆษณาสวนแห่งนี้บ่อยมากๆในช่วงหลัง และนั่นก็คือ ภาพนี้!

และผลจากภาพนี้ ก็ทำให้มุมนี้กลายเป็นมุมมหาชนที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นหรือต่างชาติต่างต้องการมาเก็บภาพครับ ทั้งนี้ก่อนที่ผมจะพาคุณผู้อ่านทุกท่านเข้าสู่สวนแห่งนี้ก็ขอยกประวัติความเป็นมาของที่นี่ให้ได้รับทราบกันคร่าวๆครับ

สวน Kenrokuen เป็นสวนที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1620 โดยตระกูลมาเอดะ (Maeda Clan) ซึ่งเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองรองจากตระกูลโทกุกาวะ (ตระกูลนี้คือโชกุนของประเทศญี่ปุ่นในยุคเอโดะ) ภายในสวนแห่งนี้มีการตกแต่งโดยแฝงความหมาย 6 ประการตามแบบการก่อสร้างของจีนแผ่นดินใหญ่ คือ ความโอ่อ่า (Spaciousness) ความสันโดษ (Seclusion) การสรรสร้างของมนุษย์ (Artificiality) ความเก่าแก่ (Antiquity) น้ำที่ไม่เหือดแห้ง (Abundant water) และมุมมองแบบกว้าง (Broad views)

สวนแห่งนี้ถือว่ามีเทคนิคที่ทำให้สวนแห่งนี้มีน้ำหล่อเลี้ยงดอกไม้และต้นไม้ต่างๆ ก็คือ การผันน้ำจากแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกลเพื่อเข้าสู่สระน้ำในสวนแห่งนี้ และก็ยังมีการสร้างตะเกียงหินสูง 2 เมตร ซึ่งเป็นการสร้างที่แปลกออกไปจากตะเกียงหินในสวนทั่วไปที่มีเพียงเสาเดียว แต่ตะเกียงอันนี้มีสองขา และก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้ตามภาพที่ผมยกมาให้ดูด้านบนไงล่ะครับ นอกจากนั้นที่สวนแห่งนี้ยังเป็นสวนแห่งแรกในญี่ปุ่นที่มี "น้ำพุ" ด้วยนะครับ! สมัยก่อนนั้นสวนแห่งนี้จะสงวนไว้สำหรับคนในตระกูลมาเอดะหรือแขกพิเศษเท่านั้นและก็มีการบำรุงรักษาตลอดจนปลูกสร้างสิ่งต่างๆมากมายทั้งธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จนกระทั่งมาถึงยุคสมัยเมจิ สวนแห่งนี้ก็ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเมื่อ ค.ศ. 1871 จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ล่ะครับ ^__^ (สมัยเมจิ คือ ยุคต่อจากเอโดะ เป็นยุคที่พระจักรพรรดิญี่ปุ่นกลับมามีอำนาจเหนือโชกุนและญี่ปุ่นก็เปิดประเทศเพื่อเปิดรับวัฒนธรรมและองค์ความรู้ของชาติตะวันตก รวมทั้งรับเทคโนโลยีต่างชาติเพื่อเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองแบบก้าวกระโดดหลังจากที่ญี่ปุ่นปิดประเทศในสมัยเอโดะมากกว่า 260 ปี!) 

เอาล่ะ หลังจากได้กล่าวความเป็นมาแล้ว เรามาเข้าสู่สวนกันเถอะครับ! -->เมื่อเดินข้ามสะพานลอยจากปราสาท Kanazawa มาแล้ว เราจะเจอประตู Katsurazaka เป็นประตูที่ใกล้ที่สุดครับ ถ้าใครมีตั๋ว Combo แบบที่ผมซื้อมาจากปราสาทก็สามารถแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและเดินเข้าไปได้เลย (จริงๆ ทางเข้าสวนมีหลายประตูครับ แต่ประตูนี้ใกล้ปราสาทที่สุดแล้ว) เมื่อเดินเข้ามาจากประตูนี้จะมีทางให้เลือกเดินมากมายพร้อมป้ายบอกทางชวนงุนงงมากมาย ดังนั้นผมจึงหาแผนที่ให้เพื่อนได้เตรียมตัวเตรียมใจกันก่อนครับ

ดูแผนที่กันครับ ^^

สำหรับเส้นทางการเดินนั้น เพื่อนๆสามารถเลือกได้ตามใจชอบหรือตามแต่เวลาที่มีเลยครับ ส่วนหลักๆที่ผมคิดว่าน่าจะมีคนเดินเยอะก็คือเส้นทางเดินวงกลมรอบสระน้ำขนาดใหญ่ (ชื่อ Kasumiga-ike) ตามแผนที่ที่เอามาลงนี่แหละครับ ส่วนถ้าใครอยากเดินตามเส้นทางที่โอทารุเดินก็ขอบอกเลยว่า "เผื่อเวลาไว้อย่างต่ำ 1 ชั่วโมงครึ่ง" นะครับ 

เส้นทางเดินของผมเมื่อถึงทางแยกจากประตู Katsurazaka แล้ว ก็เดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอสระน้ำขนาดใหญ่พร้อมกับตะเกียงหินสองขาที่เป็นมุมมหาชนอยู่ด้านขวาครับ

ผมก็ต้องถ่ายเหมือนกันครับ มุมมหาชนนี่นา ^^

โชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีคนก็เลยยืนรอไม่นานก็ได้ภาพมาครับ (เบอร์ 10 ตามแผนที่) จากนั้นผมก็เดินต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอซากุระต้นเบ้อเริ่มสีชมพูสวยสดงดงามครับ (เบอร์ 21) และเมื่อหันซ้าย ผมก็ได้เจอกับรูปปั้นของบุคคลคนนึง (เบอร์ 23) ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกครับว่าเป็นใคร มาตอนหลังถึงรู้ว่าเป็นเจ้าชายในสมัยโบราณของญี่ปุ่น จากนั้นเดินย้อนกลับมาตรงซากุระต้นใหญ่สีชมพู ก็จะเจอกับต้นสนที่มีขนาดยักษ์มากๆครับ (เบอร์ 22) ต่อมาก็เดินมาที่สะพานตามเบอร์ 24 แล้วผมเลี้ยวซ้ายเพื่อไปที่เนิน Yamazaki-Yama เพื่อถ่ายรูปเสียก่อนแล้วเดินเลียบกำแพงของพิพิธภัณฑ์ Ishikawa Prefectural Museum of Traditional Arts and Crafts ไปจนกระทั่งเจอทางเข้าพระตำหนัก Seison-Kaku 

ซากุระต้นนี้ใหญ่มากและก็สวยมากจริงๆครับ! 

ต้องขอบอกว่าจริงๆ พระตำหนักนี้เก่าแก่มากทีเดียวและก็เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมด้วย (เก็บเงินเพิ่มต่างหากจากค่าเข้าสวน ราคา 700 เยน) ทว่า...พระตำหนักที่ว่านี้ดันปิดวันพุธ ซึ่งเป็นวันที่ผมมาเดินนี่แหละ!!! ก็อดไปตามระเบียบสิครับ เซ็ง! ว่าแล้วก็เดินไปแก้เซ็งที่สวนต้นบ๊วยดีกว่า ภายในก็มีดอกไม้สวยๆอยู่พอสมควร (แต่ไม่ค่อยเห็นดอกบ๊วยสักเท่าไหร่) แล้วผมก็เดินไปต่อที่เรือนชงชา Shigure-tei เพื่อถ่ายภาพ จากนั้นก็เดินมาที่สระ Hisago-ike เพื่อชมเรือนชงชา Yugao-tei แล้วเดินขึ้นบันไดไปที่เนิน Sazae-yama Shellfish เพื่อชมวิวมุมสูงและเรือนชงชา Uchihashi-tei (เบอร์ 15) ครับ ซึ่งระหว่างที่ผมกำลังเดินชมเรือนชงชา Uchihashi-tei อยู่นั้น ก็ได้พบกับเวลาให้อาหารปลาที่สระแห่งนี้พอดี ก็จะมีคุณลุงถือถังอาหารปลามาเคาะหิน เพื่อเรียกปลา เจ้าปลาแสนรู้เหล่านี้ก็จะว่ายมารอรับอาหารกันพร้อมเพรียงมากครับ เมื่อได้จังหวะ คุณลุงก็ตักอาหารโปรยใส่เหล่าปลาตัว(ไม่)น้อยเหล่านี้ไปจนครบโควต้าของแก ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้กลุ่มสาวๆญี่ปุ่นที่ยืนดูอยู่พอสมควรครับ อิอิ 

 

ทางเดินภายในสวนครับ


คุณลุงกำลังให้อาหารปลา ^^

และเมื่อได้เวลาอันสมควร ผมก็เดินย้อนกลับมาเลียบสระน้ำ Kasumiga-ike เพื่อไปชมน้ำพุ "อันแรกของญี่ปุ่น" จากนั้นก็แวะซื้อของที่ระลึกเล็กน้อยที่ร้านขายของก่อนจะเดินมาพบกับสมาชิกอีกสองท่านที่เดินทางมาด้วยกัน ณ จุดนัดพบตรงประตู Katsurazaka ตามเดิมครับ

อย่าไปมโนนึกเอาว่าเป็นน้ำพุสวยหรูแบบยุโรปนะครับ ที่นี่เป็นแบบเรียบง่ายครับ

และเมื่อถึงจุดนัดพบแล้ว ก็เป็นเวลาประมาณเกือบห้าโมงเย็นแล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเที่ยวที่ย่าน Higashi Chaya ต่อ ปรากฎว่า.....ฝนตกลงมาค่อนข้างหนัก ทำให้ผมเป็นห่วงสมาชิกอีกสองท่าน ซึ่งก็คือ "คุณพ่อคุณแม่ของผม" ผมจึงตัดสินใจยกเลิกการเดินเท้าไปย่าน Higashi Chaya และขึ้นรถ Taxi ที่จอดอยู่ข้างๆสวน Kenrokuen เพื่อกลับโรงแรมที่พักครับ (คือ ถ้าผมมาคนเดียวหรือมากับแฟน ก็คงเดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อร่มใสคันละร้อยกว่าบาทแล้วเดินเท้าต่อ แต่ผมเป็นห่วงสุขภาพของพ่อแม่ครับ จะเอาท่านมาเจ็บป่วยเพราะความอยากเดินเที่ยวต่อของผมนั้น ผมคิดว่าไม่คุ้มกับสุขภาพของท่านแน่นอนครับ)

สถานีรถไฟ Kanazawa 

เมื่อรถ Taxi มาส่งที่สถานีรถไฟ JR Kanazawa (ที่เมืองนี้มีรถไฟเอกชนชื่อ Ishikawa Tetsudo ด้วยนะครับ ดังนั้นเวลาบอก Taxi ต้องบอกด้วยว่า JR นะครับ) ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้สำรวจสถานีรถไฟ JR Kanazawa แห่งนี้ซะเลยครับ ก่อนอื่นก็เดินไปถ่ายรูปกับ Landmark ของสถานี นั่นคือ เสา Torii สีน้ำตาลแบบ Modern ที่ตั้งอยู่หน้าสถานีครับ

 

ส่วนเวลาที่เหลือก็เดินเข้าไปสำรวจภายในสถานีรถไฟ ซึ่งก็กว้างขวางพอสมควร แต่...ที่ Kanazawa ยังมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งหลงเหลืออยู่ และหาที่สถานี Tokyo ไม่ได้แล้ว นั่นคือ ประตูตรวจตั๋วแบบ Manual ซึ่งก็คือ ไม่มีเครื่องสอดบัตรรถไฟครับ แต่ให้เจ้าหน้าที่การรถไฟยืนตรวจตั๋วเข้า/ออกสถานีแทน!!! ดูภาพได้เลย Classic มากๆครับ

เป็นไงครับ Classic แบบนี้นับวันๆยิ่งหายากนะครับ (ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวก็ยื่น Pass รถไฟให้เขาดูตามปกติครับ)

ก่อนปิดท้ายวันนี้ ผมก็อยากจะบอกว่า ภายในสถานีรถไฟมีร้านอาหารให้เลือกเยอะมาก! ถ้ามาอยู่แค่คืนสองคืน เข้าไม่ครบทุกร้านแน่! และผมก็ได้ซูชิมารับประทานสำหรับอาหารเย็นในวันนี้และพรุ่งนี้เช้าครับ จากนั้นก็เดินกลับโรงแรมที่อยู่ใกล้เพียงนิดเดียวเพื่อพักผ่อนครับ

โรงแรมที่พัก

สำหรับโรงแรมในคืนนี้ ผมพักที่โรงแรม APA Hotel Kanazawa Ekimae ซึ่งเป็น Business Hotel ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี สำหรับสาขานี้ผมให้คะแนนตามนี้

1. Location เอาไป 5 คะแนนเต็ม เพราะอยู่ติดสถานี JR Kanazawa "เดินแค่ 30 วินาที ก็เข้าสู่สถานีได้แล้ว" ถ้ายังตกรถไฟอีก ท่านควรพิจารณาตัวเองครับ!!!

2. Room เอาคะแนนห้องไป 3 เต็ม 5 พอ ที่ให้ 3 เพราะแม้ห้องจะเล็กแต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบเครื่องครับ (จริงๆ ต้องบอกว่าคนไทยหลายคนคงรู้กิตติศัพท์ของ APA ดีว่า "ห้องเล็กมาก" ที่นี่ก็เช่นกัน มีเนื้อที่ในห้องแค่ 9 (เก้า) ตารางเมตร คุณโดดครั้งเดียวจากผนังฝั่งนึงไปอีกฝั่งก็เอาหน้าชนผนังได้เลย มันแคบจริงๆ "ใครชอบนอนห้องใหญ่ๆ ไม่แนะนำ chain นี้ครับ หงุดหงิดหน้าเบ้แน่นอน")

3. Service เอาไป 3 เต็ม 5 (เนื่องจากห้องไม่รวมอาหารเช้า เลยไม่รู้ว่าการบริการเป็นอย่างไร) ที่ Front การติดต่อถือว่า ปานกลาง พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ครับต้องใช้ Basic ญี่ปุ่นช่วยชีวิตก็จะดีขึ้นมาก 

4. Facilities ให้ 4.5 คะแนน จากเต็ม 5 ที่ให้เยอะเพราะเครือ APA หลายสาขามี Onsen ให้บริการแบบฟรีๆ "สาขานี้ก็เช่นกัน" แถมยังมีทั้งแบบ indoor และ outdoor ด้วย!!! ดังนั้นได้ใจผมครับ นอกจากนี้ยังมี Coffee Shop และห้องน้ำที่ Lobby ที่สะอาดมากๆ รวมถึง Free Wifi ด้วยครับ

5. Value for Money ให้ 4.5 คะแนน ต้องบอกก่อนว่า ที่ให้เยอะเพราะโรงแรมติดสถานีรถไฟ JR มีออนเซน มี Wifi แถมราคาห้องเดี่ยวตีเงินไทยก็ประมาณ 1,800 บาทต่อคืน "ผมพอใจมากแล้วครับ" เรื่องขนาดห้องยังพอรับได้ เพราะไม่ได้อยู่ในห้องตลอดเวลาอยู่แล้วและผมไม่ใช่ขาช็อปปิ้งครับ มีห้องเอาไว้หลับนอน+ซื้อความเป็นส่วนตัวครับ

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างครับบล็อกนี้ ยาวสะใจไหมครับ ^^ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ จริงๆแล้ว Kanazawa ไม่ได้มีแค่ตลาดปลา ปราสาทและสวนสวยเท่านั้นนะครับ ยังมีสถานที่น่าเที่ยวอีกเยอะ ทั้งย่าน Higashi Chaya, Nihi Chaya, Ninja-dera, กลุ่มบ้านซามูไร รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ต่างๆให้เข้าอีก ถ้าอยากเจาะลึกจริงๆ ก็ควรเผื่อเวลาไว้ slow life ที่นี่สัก 3 วันครับ สำหรับผมเองก็คงต้องมาซ่อมที่เมืองนี้อีกแน่ เพราะเมืองแห่งนี้ยังไม่วุ่นวายพลุกพล่านแบบเมืองใหญ่ครับ (ผมชอบเงียบๆอ่ะ อิอิ) ทั้งนี้หากเพื่อนๆที่สนใจจะตามรอยโอทารุตั้งแต่สายยันเย็น ผมก็ยินดีครับ เชิญทำตามได้เลยไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่ประการใด และขออวยพรให้ติดใจญี่ปุ่นจนถอนตัวไม่ขึ้นเหมือนผมด้วยนะครับ! แล้วพบกันใหม่ในบล็อกหน้า สวัสดีครับ!!!

------------------------------------------------------------

ของแถมพิเศษ

ใครที่อ่านแล้วรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเดินเยอะๆ หรือกลัวหลงทาง กลัวสั่งอาหารไม่ถูก กลัวพูดไม่รู้เรื่อง หรือวิตกกังวลกับการเดินทางที่ต้องมานั่งวางแผน ผมขอแนะนำให้ผู้อ่านลองใช้บริการทัวร์ส่วนตัวเที่ยวญี่ปุ่นดูครับ ปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมเพราะเขาจัดเฉพาะกลุ่ม/ครอบครัวของเรา ไม่มีจับคนอื่นมาร่วมด้วยแบบทัวร์ทั่วไป ดังนั้น ทัวร์ส่วนตัวจึงสามารถออกแบบรายการเที่ยวให้เหมาะกับความต้องการของกลุ่มเราได้อิสระกว่าทัวร์ปกติครับ ส่วนที่พักหรืออาหารก็ request ได้ด้วยล่ะว่าอยากได้แบบไหน ถ้าสนใจ ผมขอแนะนำบริษัทไอเลิฟเจแปนทัวร์ไว้ให้เพื่อนๆดูข้อมูลเป็นทางเลือกนะครับ คลิก link ที่ให้เพื่อดูรายละเอียดได้เลยครับ www.ilovejapantours.com/th 

-----------------------------------------------------------

ที่มาของภาพ

ภาพปก http://www.hot-ishikawa.jp/kanko/english/images/culture_006b.jpg

ภาพมุมมหาชน https://www.flickr.com/photos/kimon/2621644979/in/photolist-o2BeM5-qcp52P-qcdVAg-6NKc6E-6NK2YJ-6NKiQW-6NJZTQ-6NF4GB-4ZJvnE-pUXEWR-oj4B6y-4ZEB2i-oh4M69-pfDdSz-bn5to-oh565q-pSCXGU-izdQu-4HWqUM-qa3ypk-ppWWBi-bwFfNh-5n8wH-4J1F2G-4HWb7e-c6mSsC-yQQYhQ-4HWaFe-qmGGre-7tpwvw-4J2Bw7-4ZEBHv-4ZEAfi-LDTRN-4J1q69-LDTZ5-edpaB-p4AY3-LDTFJ-7tpwRh-4HWrUD-4HWto8-pdep9s-GxMM2c-pSDBjY-s282ZT-LDU6w

ภาพแผนที่ http://www.pref.ishikawa.jp/siro-niwa/kenrokuen/img/course/img-map-course01_e.png

ภาพออนเซนของ APA จาก http://cdn.jalan.jp/jalan/images/pict3L/Y9/Y340399/Y340399708.jpg

ภาพที่เหลือที่มีลายน้ำทั้งหมดเป็นของโอทารุห้ามผู้ใดนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตครับ!!!

---------------------------------------------------------------------------------

ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร?

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากสอบถาม --> เชิญ add friend ทาง Facebook ครับ พิมพ์คำว่า Otaru Taichou ในช่องค้นหา เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเข้าไป add เองครับ 

รีวิวบิน CATHAY PACIFIC ไปชมซากุระ ณ คันไซ
พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ราเม็งที่ YOKOHAMA