EasyBlog

This is some blog description about this site
ตามรอยเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ณ ประเทศญี่ปุ่น

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้น นับเป็นวันที่ประชาชนไทยต้องหลัั่งน้ำตาให้กับการจากไปของพระราชาผู้เป็นที่รักอย่างไม่มีวันกลับ ใช่แล้วครับ นั่นคือ วันที่ 26 ตุลาคม 2560 ที่มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชหรือในหลวงของปวงชนชาวไทยนั่นเอง ข่าวในวันนั้นได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งยุโรป อเมริกา หรือแม้แต่ในทวีปเอเชียล้วนส่งทีมผู้สื่อข่าวหรือช่างภาพเข้ามาที่ประเทศไทย ณ มณฑลท้องสนามหลวง เพื่อการนี้โดยเฉพาะและคนทั้งโลกก็ได้ประจักษ์กับตาแล้วว่าประชาชนไทยมีความรักความศรัทธาต่อในหลวงมากเพียงใด

สำหรับประเทศญี่ปุ่นเองนั้น ก็มีการเผยแพร่ข่าวอย่างแพร่หลายและทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโตเกียวก็ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น (หรือชาวไทยที่กำลังเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ในขณะนั้น) ได้เข้าร่วมการวางดอกไม้จันทน์และถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายด้วยครับ

ตัวของผมเองก็มีความเสียใจกับการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระองค์ท่านเช่นกัน และมานั่งคิดว่าเราควรทำอะไรสักอย่างเพื่อเผยแพร่พระเกียรติของพระองค์ท่านดีกว่า ว่าแล้วก็ค้นคว้าข้อมูลและออกมาเป็นบล็อกตามรอยเสด็จฯ ดังที่เพื่อนๆกำลังจะได้อ่านกันครับ เอาล่ะ มาเริ่มอ่านกันเลยดีกว่าครับ อ้อ! เนื่องจากผมเองไม่ได้แม่นคำราชาศัพท์มากมายนัก หากมีตรงไหนที่เพื่อนๆเข้ามาอ่านแล้วเห็นว่ามีคำที่เหมาะสมกว่าก็สามารถแจ้งได้นะครับ ผมยินดีรับฟังครับ _/\_

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีกำหนดเสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน พ.ศ. 2506 (คือ 54 ปีที่แล้ว นับจากปี 2560 ครับ) เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีตลอดจนศึกษาดูงานการบริหารจัดการด้านอุตสาหกรรมและอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการนำไปพัฒนาประเทศไทยครับ

ในครั้งนั้น พระองค์เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถและได้รับการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติตั้งแต่ย่างพระบาทลงจากเครื่องบินพระที่นั่ง ณ สนามบินฮาเนดะ (สมัยนั้นสนามบินนาริตะยังไม่สร้างนะครับ) กล่าวคือ สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พร้อมด้วยพระชายา รวมทั้งพระราชวงศ์ท่านอื่นๆและคณะทูตานุทูตร่วมเฝ้ารับเสด็จอย่างยิ่งใหญ่

ในระหว่างนี้ในหลวงของเราได้มีโอกาสประทับที่พระราชวัง Akasaka หรือเกฮินคัง ซึ่งวังดังกล่าวสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค ส่วนพระราชกรณียกิจหลักที่พระองค์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก คือ การดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่างๆ ของญี่ปุ่นในยุคนั้น ซึ่งจัดได้ว่า "ไฮเทคมากๆ" โดยโรงงานที่ชาวไทยรู้จักกันดีก็คือ โรงงานผลิตกล้องถ่ายรูป Cannon และบริษัทอุตสาหกรรมไฟฟ้า Matsushita หรือบริษัท Panasonic ในปัจจุบันครับ! นอกจากนี้พระองค์ท่านยังให้ความสำคัญกับงานหัตถกรรมด้วย คือ การทอดพระเนตรกิจการโรงงานผลิตลูกไม้เพื่อนำหลักการมาสอนให้ประชาชนชาวไทยได้รับรู้และฝึกเป็นอาชีพหลักอีกทางหนึ่ง

สำหรับเนื้อหาที่พระองค์ท่านได้ไปศึกษาดูงานนั้น ผมเห็นว่าจะเน้นหนักไปที่เรื่องของวิชาการ จึงไม่ได้สืบค้นอะไรเพิ่มเติมครับ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เพื่อนๆน่าจะรู้จักกันดีก็คือ "ปลานิล" ก็มีที่มาหลังจากการเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีของพระองค์ในครั้งนี้ล่ะครับ 

และจากย่อหน้านี้ไป ผมก็จะขอเข้าสู่สถานที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จทอดพระเนตรในระหว่างการเสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ครับ! (ขอไม่เรียงลำดับเมืองว่าวันไหนเสด็จที่เมืองใดก่อนนะครับ)

โตเกียว

พระราชวังอิมพีเรียล-คงไม่ต้องบอกว่าที่นี่คือที่ไหน ก็เป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นไงล่ะครับ! ซึ่งในหลวงและสมเด็จพระราชินีก็ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากทางฝั่งญี่ปุ่นพร้อมถวายพระกระยาหารให้ทั้งสองพระองค์ด้วยความชื่นมื่นอีกด้วยครับ

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Tokyo หรือรถไฟใต้ดินสาย Marunouchi เดินประมาณ 15-20 นาที

**จากโตเกียว ในหลวงเสด็จไปทางคันไซ (ลงที่สนามบินอิตามิ เมืองโอซาก้า) ด้วยเครื่องบินนะครับ เพราะในปี 2506 (ค.ศ 1963) ชินคันเซนยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมาครับ (ชินคันเซนซีรีส์ 0 ออกวิ่งครั้งแรก 1 ตุลาคม ค.ศ. 1964) 

เมืองนาระ

สวนสาธารณะนาระ (Tobihino Hill/Nara Park)-พระองค์และสมเด็จพระราชินีเสด็จมาพระราชทานอาหารกวาง ณ ที่แห่งนี้ สมัยนั้นต้องส่งเสียงเรียกแล้วเหล่ากวางน้อยจะวิ่งเข้ามาหาเป็นจำนวนมาก (แต่ปัจจุบันนี้กวางน้อยใหญ่เดินเข้ามาหาถึงตัวเลยครับ) 

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Kintetsu Nara เดินประมาณ 20 นาที ปัจจุบันมีกวางอยู่มากมาย หาง่ายครับ

วัดโทไดจิ-พระองค์ได้เสด็จมาสักการะหลวงพ่อโต (ไดบุทสึ) แห่งเมืองนาระ พร้อมพระราชทานปัจจัยให้กับเจ้าอาวาสจำนวน 3.000 บาท (ผมไปสืบค้นดู สมัยปี 2506 นั้น ทองหนึ่งบาท ราคาขายอยู่ 300 กว่านะครับ ท่านใดเก่งก็ไปคำนวณเอาเองว่าเทียบเป็นเงินเท่าไหร่ในยุคนี้)

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Kintetsu Nara เดินประมาณ 20 นาทีจะเจอประตูวัดขนาดใหญ่พร้อมร้านค้าและเหล่ากวางที่มาดักคอยครับ

ส่วนตัวผมชอบภาพนี้ (ภาพบน) ขลังดี

เมืองเกียวโต

พระราชวังเกียวโตโอมิยะและวังอิมพีเรียลเซนโตะ (Kyoto Omiya Palace & Sento Imperial Palace) โดย ณ ที่แห่งนี้ทั้งสองพระองค์ได้ทอดพระเนตรพิธีชงชาเฉพาะพระพักตร์ โดยวิธีการชงแบบยูลาซิงเก (ผมพยายามหาแล้ว แต่ไม่พบคำอธิบายเพิ่มเติมครับ) สำหรับวังอิมพีเรียลเซนโตะนั้น ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพระราชวังอิมพีเรียลในเกียวโตนั่นเอง ซึ่งสมัยก่อนใช้เป็นที่พำนักหลังการเกษียณของสมเด็จพระจักรพรรดิแต่ภายหลังเกิดไฟไหม้ขึ้น จึงมีการสร้างปราสาทโอมิยะทดแทนของเดิมและได้ใช้เป็นที่สำหรับประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นเรื่อยมา

นอกจากนี้ที่เฉลียงของพระราชวังโอมิยะ ในหลวงและสมเด็จพระราชินีก็ได้ทรงทอดพระเนตรการแสดงฟุตบอลเคมารี (Kemari Football) ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกับการเล่นฟุตบอลผสมตะกร้อในยุคปัจจุบัน (คือ พยายามเตะลูกบอลให้วนไปหาคนอื่นเรื่อยๆโดยไม่ตกนั่นแหละ) ทว่าลูกบอลที่ใช้จะทำจากหนังกวางและมีจำนวนผู้เล่น 4-8 คนพร้อมแต่งกายในชุดโบราณครับ

การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ลงสถานี Imadegawa แล้วเดินลงใต้มาประมาณ 15 นาที เดินเลียบทางเดินที่เป็นป่า เดี๋ยวก็จะเจอทางเข้าวังครับ แต่นักท่องเที่ยวปกติจะเข้าชมได้แค่ส่วนของวังหลักนะครับและต้องจองรอบก่อน (เดินเข้าไปเลยไม่ได้นั่นแหละ)

วัดเบียวโดอิน-มีอายุเกิน 1,000 ปีแล้ว วัดแห่งนี้มีความสวยงามมากและแสดงถึงดินแดนบริสุทธิ์ในพุทธศาสนา โดยทั้งสองพระองค์ได้ทอดพระเนตรและเยี่ยมชมวิหารฟีนิกซ์ที่อยู่ในวัดแห่งนี้ด้วยครับ ปัจจุบันถ้าเพื่อนๆสังเกตดี วัดเบียวโดอินคือวัดที่อยู่ในเหรียญ 10 เยนที่เราใช้จ่ายเวลาไปญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันนั่นแหละครับ!

การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี JR เกียวโตลงที่สถานี Uji แล้วเดินต่อทางทิศตะวันออกอีก 15 นาที ส่วนใครใช้รถไฟของ Keihan ให้ลงสถานี Uji (ชื่อเหมือนกันแต่เป็นของ Keihan อย่าสับสนเพราะมันอยู่คนละที่กับ JR เลย) จากนั้นเดินลงใต้มาอีก 20 นาทีครับ 

พระราชวังชูกาคุอิน (Shugakuin Palace)-พระราชวังแห่งนี้อยู่ทางตอนเหนือของเกียวโต ทั้งสองพระองค์ได้พักเสวยพระสุธารสพร้อมทอดพระเนตรความงามภายในสวนญี่ปุ่นที่มีทะเลสาบขนาดย่อมๆภายใน

การเดินทาง : นั่งรถไฟ Eizan (Main Line) ลงสถานี Shugakuin แล้วเดินต่ออีก 15-20 นาที ต้องจองล่วงหน้ากับสำนักพระราชวังในเกียวโตก่อนเข้านะครับ "No Walk in" (เดินดุ่มๆเข้าไปไม่ได้ครับ) 

ภูเขาฮิเอ (Mount Hiei)-ด้านบนของภูเขาฮิเอเป็นจุดชมวิวและมีวัดเก่าแก่อยู่ด้านบน ณ ภูเขาแห่งนี้ ทั้งสองพระองค์ได้ทอดพระเนตรทะเลสาบบิวะ (Biwako) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นจากมุมสูง 

การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Kosei ลงที่สถานี Hieizan-sakamoto แล้วเดินอีก 15 นาที (หรือนั่งรถเมล์) ไปลงที่ฐานกระเช้าด้านล่างชื่อ Sakamoto Cablecar แล้วนั่งกระเช้าขึ้นเขาไป (แต่ถ้าใครแข็งแรงมากๆ จะเดินขึ้นไปก็ได้ครับ มีทางเดินป่าอยู่ คนญี่ปุ่นก็นิยมเดินเหมือนกัน)

ภูเขาฮิเอในปัจจุบันเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ครับ

เมืองนาโงย่า

วัดนิทไทจิ-เป็นวัดที่มีความผูกพันกับประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และในหลวงก็เสด็จมานมัสการพระบรมสารีริกธาตุพร้อมปลูกต้นโพธิ์จำนวนสองต้นไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วย ปัจจุบันวัดนิทไทจิเป็นวัดที่ยังมีความเงียบสงบและไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวไทยจำนวนมากครับ เพราะไม่ค่อยได้รับการโปรโมตเท่าไหร่ แต่ตัวโอทารุเอง "ไปชมวัดมาแล้ว" ขอบอกว่าสงบมากๆ ขนาดไปตอนซากุระบานคนยังไม่พลุกพล่านและปราศจากรถทัวร์ด้วยครับ ใครชอบความสงบและอยากมาระลึกถึงในหลวงของเราก็ขอแนะนำครับ ที่นี่ดีจริงๆ หรือคลิกที่นี่เพื่ออ่านวิธีการเดินทางและความเป็นมาของวัดโดยละเอียดได้ครับ ผมเขียนเป็นบล็อกไว้แล้ว http://www.ilovejapan.co.th/travel/entry/nittaiji-temple

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Nagoya/รถใต้ดินสถานี Nagoya ให้นั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama Line ลงที่สถานี Kakuozan แล้วเดินขึ้นเหนือไปอีก 10 นาทีครับ (คลิกในลิงค์ด้านบนสำหรับคำอธิบายโดยละเอียด)

และทั้งหมดนี้ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่ผมได้สืบค้นและเขียนเป็นบล็อกเพื่อนำเสนอให้กับเพื่อนๆผู้อ่านทุกท่านนะครับ เผื่อท่านได้จะตามรอยก็ยินดี ส่วนสถานที่ต่างๆที่กล่าวมานั้นล้วนเดินทางสะดวกครับ มือใหม่มือเก่าเที่ยวได้แน่นอน (ก็ใกล้สถานีรถไฟฟ้าหรือสถานีรถไฟท้องถิ่นน่ะครับ) ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับความรู้ความเข้าใจในพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มากขึ้นนะครับ สิ่งเหล่านี้แหละครับคือสิ่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าทำไมราชวงศ์ของญี่ปุ่นจึงให้ความสำคัญกับพระองค์ท่านมากยิ่งนัก

พูดแล้วก็น้ำตาคลอนะครับเพราะสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะเคยตรัสว่า "พระองค์เปรียบดั่งพระเชษฐา (พี่ชาย)ของท่าน" และเมื่อเดือนมีนาคม 2560 สมเด็จพระจักรพรรดิและพระจักรพรรดินีก็ได้เสด็จมาถวายความอาลัยแก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยความโทมนัสเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา เจ้าชายอากิชิโนะและเจ้าหญิงคิโกะ ซึ่งเป็นพระราชบุตรของพระองค์ก็เสด็จมาเป็นตัวแทนในการร่วมพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯอีกด้วย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการกระทำที่ราชวงศ์ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับในหลวงของเราอย่างแท้จริงครับ

สำหรับบล็อกนี้ผมเองก็ขอถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่านอีกครั้งหนึ่งและผมก็ขอย้ำกับตัวเองว่า ขอให้เราประพฤติตนเป็นคนดี ชาติบ้านเมืองก็จะเจริญก้าวหน้าและอยู่เย็นเป็นสุขครับ เชื่อว่าถ้าทำได้เท่านี้แม้คนละเล็กคนละน้อย แต่บ้านเมืองที่พ่อหลวงปรารถนาก็จะเป็นจริงได้ในอนาคตอย่างแน่นอน ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ แล้วพบกันใหม่กับบล็อกถัดไปครับ _/\_

--------------------------------------------------------------

ที่มาของเนื้อหา 

https://chillchilljapan.com/king-bhumibol-and-japan-part-2/

https://www.matichon.co.th/news/493807

แผ่นพับจากวัดนิทไทจิภาคภาษาไทย

------------------------------------------------------------

ที่มาของภาพ

ภาพปก จาก http://img.tnews.co.th/userfiles/images/050301-1-1(1)(2).jpg

ภาพประกอบ (เรียงจากใต้ภาพปกลงมาจนจบ)

http://img.tnews.co.th/userfiles/image/33(209).jpg

https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2017/03/06-2.jpg

https://i.pinimg.com/originals/89/8f/94/898f9420221f8d7c2d80a863d8006936.jpg

http://www.bangkokbiznews.com//image/media/image/news/2017/10/18/777573/777573_0_1508317567.JPG

https://i.pinimg.com/originals/a6/26/32/a6263201e6f9ac3c5a8034a71f5cf4cc.jpg

https://daily.rabbitstatic.com/wp-content/uploads/2017/03/14908305_1115316675243167_1803512284445718406_n.jpg

http://www.bangkokbiznews.com//image/media/image/news/2017/10/18/777573/777573_2_1508317567.JPG

http://www.bangkokbiznews.com//image/media/image/news/2017/10/18/777573/777573_1_1508317567.JPG

http://image.bangkokbiznews.com/kt/media/image/news/2017/10/18/777573/750x422_777573_1508317567.JPG

http://welovethaiking.com/wp-content/uploads/2017/03/q9.jpg

http://www.nihon-kankou.or.jp.e.wp.hp.transer.com/season/image/spot/kouyou/K2502.jpg

https://www.khaosod.co.th/wp-content/uploads/2016/10/9ed.jpg

------------------------------------------------------------------------------

ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร?

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากสอบถาม --> เชิญ add friend ทาง Facebook ครับ พิมพ์คำว่า Otaru Taichou ในช่องค้นหา เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเข้าไป add เองครับ 

การโกงคุณภาพเหล็กของ Kobe steel ลามไปถึงชิ้นส่วนชิ...
รีวิวการบินไทยจากกรุงเทพสู่นาริตะช่วงฤดูใบไม้เปลี่...