EasyBlog

This is some blog description about this site
บัตรอัจฉริยะ IC CARD ที่ควรมีติดตัวเมื่อไปญี่ปุ่น

สวัสดีฤดูซากุระครับ!!! ขอต้อนรับสู่ฤดูกาลแห่งวันหยุดยาวที่หลายท่านพร้อมใจกันบินไปชมซากุระที่แดนอาทิตย์อุทัยหรือกลับไปเยี่ยมครอบครัวในเมืองไทยและก็ขอให้ทุกคนเดินทางไปกลับอย่างราบรื่นปลอดภัยทุกคนไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนบนโลกใบนี้นะครับ! และสำหรับวันนี้ โอทารุจะมาแนะนำบัตรอัจฉริยะที่ผมบอกจากใจว่า "ทุกคนควรมีติดตัวไว้" เวลาเดินทางไปญี่ปุ่นครับ เอาล่ะ! เรามาคลิกอ่านเลยเนอะ!

ในบล็อกนี้ ผมจะขอแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้จักกับบัตรอัจฉริยะ ซึ่งจะเป็น "ตัวช่วย" ให้การเดินทางในญี่ปุ่นของเราสะดวกมากยิ่งขึ้น และนั่นก็คือ IC Card นั่นเอง!!! 

IC Card คืออะไร?

ง่ายๆเลยครับ มันก็คือ บัตรเติมเงินนั่นแหละ! ถ้าจะเปรียบเทียบให้เพื่อนๆเข้าใจง่ายที่สุดก็คงต้องบอกว่า "มันคล้ายๆกับบัตร Rabbit ที่เราขึ้น BTS หรือไว้จ่ายเงินนั่นแหละครับ แต่ของญี่ปุ่นมันอัจฉริยะกว่าเยอะ" และบัตรที่ว่านี้ก็มีคนญี่ปุ่นใช้งานอยู่เป็นจำนวนมากเลยครับ เพราะมันสะดวกสบายและช่วยให้เจ้าของบัตรมีชีวิตที่ง่ายขึ้นได้ในหลายๆเรื่อง เพราะเจ้าบัตรอัจฉริยะของญี่ปุ่นนี้มีความสามารถ :

1. จ่ายเงินค่ารถไฟ JR, รถไฟของบริษัทเอกชน, รถบัส, รถราง หรือแม้กระทั่ง รถ TAXI...ก็จ่ายได้หมดในบัตรเดียว ไม่ต้องควักเหรียญ/ธนบัตรออกมานับเพื่อซื้อตั๋วอีกต่อไป

2. ไว้ช็อปปิ้งในร้านสะดวกซื้อ ทั้งเซเว่น, ลอร์สัน, แฟมิลี่มาร์ท, Circle K, Sunkus และที่อื่นๆ รวมไปถึงจ่ายค่า Locker ฝากของตามสถานีรถไฟหรือที่ต่างๆได้อีกด้วย!!!

3. ไม่ใช่แค่ร้านสะดวกซื้อ แต่...ร้านกล้องอย่าง Bic Camera, Yodobashi Camera ก็สามารถจ่ายด้วยบัตรนี้ได้เช่นกัน

4. ใช้ได้ตามเมืองใหญ่ทั่วประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่แค่ในเขตเมืองที่ออกบัตรเท่านั้น

 

แตะอย่างเดียว สะดวกสบาย ไม่ต้องควักเหรียญให้วุ่นวายใจอีกต่อไป!

เป็นไงครับ แค่ความสามารถ 4 ข้อนี่ก็กินขาดบัตรที่บ้านเราซะแล้วถูกไหมครับ...(เมื่อไหร่บ้านเราจะใช้ได้หลากหลายแบบนี้หนอ) ดังนั้นเห็นถึงคุณงามความดีของบัตรนี้กันแล้วสินะครับ อิอิ งั้นต่อไปผมจะแนะนำบัตรแต่ละแบบให้รู้จักกันเลยนะครับ

ประเภทของบัตร

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ญี่ปุ่นแบ่งประเภทบัตรไว้ตามภูมิภาคของญี่ปุ่นด้วย ซึ่งผมจะ list บัตรที่สำคัญๆ มาให้ทราบ ดังนี้

1.ภูมิภาค Hokkaido มีบัตร KITACA และ SAPICA เป็นบัตรหลัก 

2.ภูมิภาค Kanto มีบัตร SUICA และ PASMO เป็นบัตรหลัก 

3.ภูมิภาค Chubu มีบัตร TOICA และ MANACA เป็นบัตรหลัก 

4.ภูมิภาค Kansai และ CHUGOKU มีบัตร ICOCA และ PITAPA เป็นบัตรหลัก 

5.ภูมิภาค Shikoku มีบัตร SHIKOKU ICOCA เป็นบัตรหลักุ

6.ภูมิภาค Kyushu มีบัตร SUGOCA และ NIMOCA เป็นบัตรหลัก 

7.หมู่เกาะโอกินาวะมีบัตร OKICA 

 

เป็นไงครับ ดูแล้วงงกันไหม?? ใครงงก็อ่านเฉพาะบัตรหลักที่ผมเขียนไว้ก็พอครับ (ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต)

ทั้งนี้ขอแจ้งไว้ก่อนว่า บัตรอัจฉริยะแต่ละใบนั้น อาจมีความสามารถที่ต่างกันครับเพราะบางบัตรก็เอาไว้ใช้เดินทางได้อย่างเดียวไม่สามารถช็อปปิ้งได้ บางบัตรก็ใช้ได้แต่อาจจำกัดสาขา หรือบางบัตรก็อาจจะใช้จ่ายได้ทุกการเดินทางก็มีเช่นกัน ยังไงก่อนจะซื้อบัตรอะไร อยากให้เพื่อนๆลองไปศึกษาดูข้อมูลด้วยคนเองก่อนนะครับ -->ถ้าให้ผมซอยย่อยแต่ละบัตร เห็นทีบล็อกนี้จะยาวเกินไป!

แล้วฉันควรจะซื้อบัตรไหนติดตัวล่ะ มีเยอะขนาดนี้?

เชื่อว่าต้องมีคนถามผมแน่ๆ ผมตอบให้ตามชื่อบล็อกเลยครับว่า บัตร IC Card ญี่ปุ่นที่โอทารุอยากแนะนำให้เพื่อนๆมีติดตัวไว้ก็คือ

1. บัตร SUICA ของ JR East ครับ ที่แนะนำบัตรนี้เพราะปัจจุบันผมเชื่อว่าโตเกียวเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่นักเดินทางชาวไทยเลือกไปเยือนกันเยอะครับ นอกจากนี้ยังหาซื้อบัตรได้ง่ายตามตู้กดของสถานีรถไฟ JR ครับ

สำหรับบัตร SUICA นี้เป็นบัตรอัจฉริยะที่มีประโยชน์มากตามที่จั่วหัวไว้ด้านบนเลยครับ ท่านผู้อ่านสามารถตื้ดบัตรขึ้นรถไฟ JR หรือใต้ดินได้โดยไม่ต้องมานั่งควักเหรียญควักธนบัตรให้ปวดหัวอีกต่อไป รวมถึงการนั่งรถบัสหรือ Taxi ก็จ่ายได้ เข้าร้านสะดวกซื้อก็จ่ายได้!! และที่สำคัญถึง SUICA จะขึ้นกับ JR EAST ซึ่งดูแลรถไฟในเขตคันโต แต่เราก็สามารถนำบัตร SUICA ไปใช้ขึ้น " ข้ามเขต" รถไฟใต้ดินในเขตเมืองโอซาก้า นาโงย่า ฟุกุโอกะหรือซัปโปโรได้ด้วยนะครับ!!! ไม่ต้องพกบัตรหลายใบให้วุ่นวายใจ ดีสุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะ

2. บัตร ICOCA ของ JR West บัตรนี้เป็นอีกบัตรที่ควรมีติดตัวสำหรับคนที่เดินทางมาเที่ยวโอซาก้าและพื้นที่รอบๆ เช่น เกียวโต นาระ โกเบ ใครที่มี SUICA แล้วสามารถใช้แทนได้เลย แต่หากใครเลือกมาญี่ปุ่นทางโอซาก้าเป็นครั้งแรกก็สามารถออกบัตร ICOCA ได้เช่นกัน สำหรับคุณสมบัติต่างๆของบัตรนี้จะเหมือน SUICA ตามข้อ 1 เลยครับ แต่ปัจจุบันก็มีโปรโมชั่นการขายร่วมกับรถไฟ Limited Express Haruka ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษสำหรับไปกลับสนามบินคันไซด้วยนะ

**หมายเหตุ IC Card บางชนิดจะมีหลายลวดลายแตกต่างกัน บางครั้งจะทำออกมาเป็น Limited Edition หรือแบบพิเศษฉลองครบรอบเหตุการณ์ต่างๆ แต่การใช้งานก็ยังคงเดิม ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจครับ 

โอทารุมีสามใบครับ (กำลังจะมีห้าใบเร็วๆนี้ ผมสะสมด้วยครับ)

ข้อควรรู้

1. ค่าออกบัตรครั้งแรกอยู่ที่ 2,000 เยน (สองพันเยน) โดยจะแบ่งเป็นเงินในบัตร 1,500 เยนและค่ามัดจำบัตรอีก 500 เยน เวลาเงินในบัตรจะหมดหรืออยากเติมเพิ่มก็หาตู้กดที่มีสัญลักษณของบัตรนั้นๆ เช่น SUICA จะมีสีเขียว ICOCA จะเป็นสีน้ำเงิน เวลาเติมก็ไม่ยาก กดเมนู English แล้วก็ Charge จากนั้นระบุยอดเงินที่จะเติมได้เลย จากนั้นเครื่องกดจะให้เราใส่ธนบัตรตามจำนวนที่เราจะเติม จากนั้นก็รอเครื่องดำเนินการแล้วดึงบัตรออกมาเลยครับ-->ทั้งนี้ขอเตือนว่า จำนวนเงินในบัตรจะจำกัดไว้สูงสุดที่ 20,000 เยน (สองหมื่นเยน) ครับ

นี่คือหน้าตาตู้ออกบัตร+เติมเงิน ยังไงก็เห็นแน่นอนเพราะลวดลายชัดเจนมาก (โอทารุถ่ายจากสนามบินคันไซ) 

2. บัตรอัจฉริยะนี้ยังไม่สามารถใช้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ Limited Express หรือ Shinkansen ได้ ปัจจุบันนี้ถ้าจะขึ้นรถไฟสองประเภทที่ว่า ต้องจ่ายเงินสดหรือบัตรเครดิตครับ (แต่รถไฟธรรมดาหรือรถเร็วใช้ IC Card ได้แน่นอนครับ)

3. หากต้องการคืนบัตร จะต้องคืนในพื้นที่ที่ตัวเองออกบัตรเท่านั้น เช่น เราซื้อ SUICA มาจากโตเกียว แต่เราไปเที่ยวโอซาก้าต่อและจะบินกลับไทยจากสนามบินคันไซเลยแล้วเราต้องการคืนบัตรเพื่อเอาเงินสด ในกรณี้ ไม่สามารถคืนบัตร SUICA ในพื้นที่โอซาก้านะครับ เพราะ SUICA ออกบัตรในโตเกียวซึ่งข้ามเขตของ JR EAST มาแล้ว (สรุปคือ ซื้อบัตรเมืองไหน ต้องไปคืนเมืองนั้น จบ ง่าย)

4. บางครั้งบัตร IC Card เหล่านี้จะออกลายบัตรพิเศษมาให้พวกเราสะสม อย่างตอนนี้ ICOCA นอกจากลายธรรมดาสีฟ้าแล้วยังมีลายพิเศษเป็นลายเทพลมและเทพสายฟ้ากับลายคิตตี้ให้เราเลือกด้วยล่ะ! 

5. IC Card เหล่านี้มีอายุการใช้งานถึง 10 ปี (สิบปี) ครับ ที่สำคัญหากเราไม่อยากเก็บบัตรไว้ก็สามารถคืนบัตรและรับเงินที่เราเติมเข้าไปได้ด้วยล่ะ (มีหักค่าบริการนิดหน่อย) แต่ส่วนตัวโอทารุแนะนำว่าเก็บไว้เถอะครับ รับรองว่าท่านไม่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นรอบเดียวหรอก ^__^

ก็หวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ ส่วนตัวโอทารุเองก็มี IC Card อยู่ในมือถึง 3 ใบเช่นกัน (ดูรูปประกอบได้เลย) จริงๆที่มีเยอะๆเนี่ย ท่านผู้อ่านไม่ต้องซื้อตามก็ได้ครับ เพราะผมเพียงแต่ "ชอบสะสม" เท่านั้นเอง เอาเป็นว่าถ้าเราอยากพกแบบบัตรเดียวใช้ทั่วญี่ปุ่นก็เลือก SUICA หรือ ICOCA ก็ได้ครับ รับรองใช้แล้วจะติดใจครับ! แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้ากับการแนะนำสถานที่ช็อปปิ้งที่หลายท่านน่าจะรู้จักครับ จะเป็นที่ไหน โปรดติดตามบล็อกถัดไปในสัปดาห์หน้าคร้าบบบบบบ

------------------------------------------------- 

ภาพปก https://i1.wp.com/www.wmsaj.com/wp/wp-content/uploads/2015/12/japanese-train-card.jpg?fit=718%2C280&ssl=1

ภาพการแตะบัตร http://www.jnto.go.jp/eng/indepth/exotic/JapanesQue/trivia/img/201103_insight_01.jpg

ภาพแผนผัง IC Card https://en.wikipedia.org/wiki/ICOCA#/media/File:ICCard_Connection_en.svg

ภาพที่มีลายน้ำเป็นของโอทารุ ห้ามผู้ใดนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตนะครับ

------------------------------------------------

ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร?

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากสอบถาม --> เชิญ add friend ทาง Facebook ครับ พิมพ์คำว่า Otaru Taichou ในช่องค้นหา เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเข้าไป add เองครับ

ของฝากน่ารักจากทาคายาม่า
ห้างสรรพสินค้า 24 ชั่วโมงในญี่ปุ่น