EasyBlog

This is some blog description about this site
รีวิว Cathay Pacific บินสู่กรุงโตเกียวช่วงหน้าร้อน

สวัสดีหน้าร้อนของญี่ปุ่นกันครับทุกคน! ตอนนี้อากาศที่ญี่ปุ่นก็เริ่มที่จะร้อนขึ้นเรื่อยๆไม่แพ้บ้านเราแล้วนะครับ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ดอกไม้หลากสายพันธุ์กำลังรอเบ่งบานชูช่อเพื่ออวดความงามให้กับทุกคนด้วยเช่นกัน ดังนั้น เที่ยวญี่ปุ่นฤดูกาลไหนก็เที่ยวได้ทั้งนั้นเลยครับ!!! และวันนี้โอทารุก็จะมาเล่าประสบการณ์การใช้บริการสายการบิน Cathay Pacific สู่กรุงโตเกียวในหน้าร้อนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ!

ก่อนอื่นคงต้องขอกล่าวถึงสายการบินนี้เล็กน้อยว่า "เป็นของฮ่องกงนะครับ" แต่ก็ถือว่าเป็นสายการบินพรีเมียมระดับโลกที่ได้รับรางวัลเรื่องการบริการมาแล้วหลายปี เรื่อง Service ก็สามารถวางใจได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเคสลอยแพเท่าที่เคยใช้มาและเห็นตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆมีน้อยครับ นอกจากนี้ราคาที่ปล่อยออกมาก็ถือว่ายังพอรับได้ในหมู่นักเดินทางชาวไทยคือ ประมาณหนึ่งหมื่นบาทต้นๆ ไปจนถึงสองหมื่นกว่าๆ ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ (เวลามีโปร)

ทั้งนี้ขอบอกเพื่อนๆผู้อ่านสักนิดว่า "เนื่องจากเป็นของฮ่องกง" ดังนั้นจะต้องมีการ "เปลี่ยนเครื่อง" ที่ฮ่องกงก่อนเสมอครับ แต้ไม่ต้องห่วงครับ การเปลี่ยนเครื่องไม่ใช่เรื่องยากเลย มือใหม่ก็ทำได้ แม้จะเกร็งๆอยู่บ้าง แต่เชื่อเถอะว่าไม่ยาก!!! เดี๋ยวในบล็อกนี้ผมจะชี้ทางให้ทราบนะครับ จะได้ไม่ต้องกังวลกันกับการต่อเครื่องสำหรับมือใหม่นะครับ ^^ เอาล่ะ มาเริ่มเข้าสู่เนื้อหากันเถอะครับ!

เริ่มการเดินทาง

Cathay Pacific ต้องไปขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมินะครับ อย่าไปขึ้นดอนเมืองล่ะ!!! พอมาถึงแล้วให้เดินไปที่เคาน์เตอร์ M นะครับ แล้วก็ทำการเช็คอินตามปกติ+ผ่านขั้นตอนตรวจขาออกนอกประเทศต่อไป (ตรงนี้ขอไม่กล่าวถึงนะครับ เดี๋ยวยาว) 

อย่างไรก็ตามขอเตือนท่านผู้อ่านสักนิดว่า เวลาเช็คอินแล้ว ท่านจะได้รับ "Boarding Pass 2 ใบ" นะครับ คือ ขากรุงเทพ-ฮ่องกง หนึ่งใบ และขาฮ่องกง-โตเกียว อีกหนึ่งใบ กรุณาอย่าทำหายเด็ดขาดจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบินแล้ว ไม่งั้นงานเข้าแน่ครับ ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ให้วุ่นวายเป็นพัลวันเลยล่ะ!!! 

แล้วก็ขอย้ำเรื่อง "เวลา" กันสักนิด เพราะเราจะต้องมาก่อนเวลาเสมอ ก็เครื่องบินไม่ใช่รถทัวร์นะครับ! มันมีเวลาเปิดปิดที่แน่นอน ถ้ามาเช็คอินที่เคาน์เตอร์ไม่ทันแล้วอ้างว่าก็เครื่องยังไม่ออก เหลือเวลาอีกตั้งเยอะแล้วไปตั้งกระทู้ขอความเห็นใจล่ะก็...สิ่งที่ท่านจะได้กลับมา น่าจะไม่ใช่ความเห็นใจแต่เป็นอย่างอื่นแน่ครับ! อ่ะ มาอ่านข้อควรรู้สักหน่อย

1. เคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดก่อนที่ไฟล์ของท่านจะออกเป็นเวลา 40 นาที ง่ายๆเลย -->สมมุติว่าเครื่องออก 16:40 น. คุณต้องมาเช็คอินก่อน 16:00 น. นะครับ เพราะถ้าเคาน์เตอร์ปิดก็มีสิทธิ์อดขึ้นเครื่อง "ช่วยไม่ได้ครับ ความผิดเป็นของคุณ จะมาอ้างว่ารถติด น้ำท่วมอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น สายการบินมีสิทธิ์ไม่เห็นใจคุณได้ครับ" 

2. ควรไปคอยที่หน้า Gate ก่อนเวลาเครื่องออกสัก 30 นาที จะช่วยป้องกันการตกเครื่องได้เยอะครับ อีกอย่างเผื่อมีการเปลี่ยน Gate จะได้รู้ตัวล่วงหน้าแล้วรีบวิ่งไปด้วย!

3. เคาน์เตอร์ของ Cathay เปิดให้เช็คอินก่อนเวลาบินของไฟลท์นั้นๆ ราว 3 ชั่วโมงครับ เช่น ถ้าไฟลท์ออก 16:40 น. คุณมาเข้าแถวรอที่เคาน์เตอร์ตั้งแต่ 13:40 น. ได้เลย รอไม่นานก็เช็คอินได้เช่นกันครับ

ขึ้นเครื่องกันเถอะ! 

สำหรับเที่ยวบินที่ผมใช้บริการในวันนี้ คือ 

CX 702 เส้นทาง BKK-HKG ออกจากไทยเวลา 18:50 น. ถึงสนามบินฮ่องกง (เช็กแล็ปก็อก) 22:40 น. 

CX 524 เส้นทาง HKG-NRT ออกจากฮ่องกงเวลา 01:00 น. ถึงญี่ปุ่น (สนามบินนาริตะ) เวลา 06:20 น.

อ่านมาถึงตรงนี้ สรุปให้หลายคนฟังเลยว่า วันแรกเราจะออกจากเมืองไทยตอนหัวค่ำ แล้วไปถึงฮ่องกงตอนสี่ทุ่มกว่าตามเวลาที่ฮ่องกง (ปรับนาฬิกากันด้วย พลาดมาเยอะละครับ) แล้วก็มีเวลาเดินเล่นที่สนามบินฮ่องกงราวๆ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก่อนบินออกจากฮ่องกงตอนตีหนึ่งไปถึงญี่ปุ่นตอนเช้าตรู่พอดี ซึ่งหมายความว่า "ลงเครื่องก็เที่ยวได้เลย" ^__^

สำหรับเที่ยวบิน 702 ก็คงต้องบอกว่า "มีจอทีวีทุกที่นั่งนะครับ" เชิญดูทีวีไปเพลินๆได้เลย เอ้า! ดูภาพประกอบโลดดดด อ้อ! ขอบอกอีกอย่างเผื่อใครบินครั้งแรก --> พกสายชาร์จมือถือขึ้นมาได้เลยนะครับ ที่เก้าอี้ของท่านมีทั้งที่ชาร์จแบบ USB แล้วก็ปลั๊กไฟด้วย ดังนั้นสบายใจได้ยังไงก็ได้ชาร์จแบตเตอรี่หรือจะพก Powerbank ขึ้นมาชาร์จบนเครื่องก็ไม่ว่ากันจ้า!

จากนั้นเมื่อเครื่องทะยานขึ้นฟ้าไปสักพักพนักงานหนุ่มสาวก็จะทยอยแจกอาหารบนเครื่องครับ มื้อแรกนี้เป็น ข้าวผัดหมูซึ่งออกแนวหมูพะโล้ครับ ใครที่ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นมาก็ซัดไปเลยนะครับ ส่วนเครื่องดื่มต่างๆ "ขอได้ฟรี" ทั้งชา กาแฟ เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำผลไม้ จัดไปไม่ต้องกลัวครับ เราบินพรีเมียม ไม่ใช่ low cost ขอโลดดดดด!!!

และแล้วเวลาสองชั่วโมงกว่าๆบนเครื่องก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจากการดูทีวีฆ่าเวลา เมื่อเครื่องลงจอดที่ฮ่องกงก็เตรียมไปเปลี่ยนเครื่องครับ โดยสังเกตที่ป้ายบนหัวเราให้ดี ดูคำว่า Transfer ไว้ นั่นแหละครับ คือ จุดที่เราจะต้องไปเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งจุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่ดักรอตรวจ Boading Pass ของเราอยู่ (ผมถึงย้ำไงว่า อย่าทำหายๆๆ) และเมื่อเราผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจแล้ว ก็จะเจอด่าน X-Ray ของเหลวรออยู่ ใครมีน้ำก็เทน้ำทิ้งไปซะนะครับ เหลือขวดไว้ได้ มีตู้กดน้ำฟรีอยู่ครับ 

สนามบินฮ่องกง (HKG)

สนามบินฮ่องกงถือว่ามีขนาดกว้างขวางมากแห่งหนึ่งของโลกและก็ได้รับคำชมเชยพร้อมกับกวาดรางวัลมาแล้วเป็นจำนวนมากเช่นกัน สำหรับโอทารุเองเมื่อมาถึงโถงผู้โดยสารขาออก ก็ไปเดินตระเวนสำรวจก็มีร้านอาหารและร้านขายของเหมือนสนามบินชื่อดังครับ แบรนด์เนมก็มี เหล้ายาปลาปิ้งก็มี แต่คุณผู้อ่านต้องแลกเงินฮ่องกงดอลลาร์ติดมือมาด้วยนะครับ (บางร้านอาจจะรับ USD หรือ EURO แต่กดเรทแน่นอน) ไม่งั้นก็ต้องรูดเครดิตการ์ดแล้วไปแปลงอัตราค่าเงินกันเองนะ 

เมื่อเดินเล่นเรียบร้อย โอทารุก็เดินไปรอที่ Gate ครับ เวลาขณะนั้นก็เกือบๆ เที่ยงคืนเห็นจะได้ ก็ไปนั่งแหมะรอที่หน้า Gate ดีกว่า เพราะที่นี่ FREE WIFI เล่นไปเล้ยยยยยยย (โทรกลับบ้านด้วย Line Call ก็ได้นะครับ เนตแรงอยู่) และแล้วเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก ทางสายการบินก็ประกาศเรียกผู้โดยสารเพื่อเตรียมขึ่นเครื่องมุ่งหน้าสู่สนามบินนาริตะครับ!!!

เดินทางสู่ญี่ปุ่น

เครื่องบินได้ทะยานฟ้าสู่สนามบินนาริตะในเวลาราวๆตีหนึ่งตามกำหนดครับ ซึ่งเที่ยวบินนี้ผู้โดยสารส่วนมากก็จะเริ่มง่วงและหลับกันเยอะพอสมควร ผมเองก็ต้องนอนพักเอาแรงเช่นกันเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว จะได้มีแรงเที่ยวต่อครับ! และสำหรับเที่ยวบินนี้ภายในเคบิน กัปตันจะหรี่ไฟให้มืดพอสมควรครับ จะเปิดไฟมาปลุกเราตอนแจกอาหารว่างยามดึกเท่านั้นเอง โดยที่แจกจะเป็นขนมปังและน้ำผลไม้ครับ ใครไม่เอาก็บอกเจ้าหน้าที่ได้...แต่ผมเอานะครับ คือ ไม่ได้ทานตอนนั้นหรอก...ผมเก็บไว้ทานตอนอยู่ญี่ปุ่นได้ 555 (ใครจะทำตามก็ได้นะครับ ไม่ว่ากัน) ส่วนเครื่องดื่มประเภทต่างๆนั้น เรายังคงขอจากเจ้าหน้าที่ได้ตามปกตินะครับ แม้จะดึกดื่นเราก็มีสิทธิ์เรียกครับ!

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้าตรู่แล้ว เท่าที่จำความได้ รู้สึกจะได้หลับไปประมาณเกือบๆ สามชั่วโมงครับ ก็ยังงัวเงียๆอยู่ แต่กัปตันเล่นเปิดไฟสว่างทั้งเคบิน ผมและผู้โดยสารอีกหลายคนก็จำต้องตื่นล่ะครับ! และแล้วเมื่อใกล้ถึงเวลาเครื่องลงจอด ผมก็พยายามชะเง้อมองหน้าต่างฝั่งซ้ายเพื่อยลโฉม "Fuji-san" แต่น่าเสียดายที่ฤดูร้อนอย่างนี้ อากาศจะแปรปรวนง่ายกว่าฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว ดังนั้นจึงสิ่งที่ผมเห็นก็คือหมอกที่ปกคลุมญี่ปุ่นอยู่ทั่วบริเวณที่สายตามนุษย์จะมองได้ เสียดายจริงๆ

แต่เอาน่า! เดี๋ยวค่อยไปลุ้นจากบนพื้นดินอีกทีก็แล้วกัน และเมื่อถึงเวลา เครื่องบินของคาเธ่ย์ก็พาเรามาสู่สนามบินนาริตะอย่างปลอดภัยและตามเวลาครับ! จากนั้นก็จะเป็นการเดินเข้าไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามขั้นตอนและรับกระเป๋าเพื่อเริ่มทริปญี่ปุ่นต่อไป! 

สำหรับทริปในครั้งนี้ผมยังคงใช้บริการรถไฟของ JR เป็นหลักครับ และผมเน้นความเร็ว ดังนั้นจึงเลือกใช้รถไฟ Narita Express เจ้าเก่าเช่นเคย แต่จุดนี้ขอข้ามไปเลยนะครับ เพราะบล็อกนี้เราจะรีวิวสายการบินกัน! และโอทารุขอข้ามเวลามาที่วันกลับเลยก็แล้วกัน! 

สนามบินฮาเนดะ (HND)

ทริปนี้ผมเลือกขากลับที่สนามบิน Haneda ครับ เพราะเดินทางสะดวกมากๆและเวลาบินก็ออกพอๆกับนาริตะ ดังนั้นเราจะเสียเวลานั่งรถไฟยาวๆทำไมล่ะ นั่งแค่รถโมโนเรลเข้าสนามบิน Haneda ได้เลยครับ! การเดินทางก็ไม่ยาก ผมตั้งต้นจากสถานี JR Ueno จากนั้นนั่ง Yamanote มาลงที่สถานี Hamamatsucho แล้วก็ต่อรถโมโนเรลเข้าไปที่ International Terminal ได้เลย เบ็ดเสร็จจากอุเอะโนะ แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น สะดวกมากๆครับ (ค่ารถหลักร้อยเยนด้วย)

สำหรับภายในสนามบินฮาเนดะ ต้องขอบอกดังๆว่า "ใครเป็นขาช็อป อย่าเลือกมาเลย จะผิดหวังเปล่าๆ ของช้อปปิ้งน้อยกว่าทางนาริตะมากๆ ถ้าจะละลายทรัพย์เป็นหลัก แนะนำให้เลือกกลับทางนาริตะดีกว่าครับ รับรองเพลิน" ซึ่งโอทารุเองไม่ใช่สายช็อปก็เลยไม่ซีเรียสตรงนี้ครับ

หลังจากผ่านพิธีการตรวจขาออกตามปกติแล้ว ผมก็เดินก็เดินไปซื้อขนมที่วางขายอยู่ ซึ่งก็เป็นขนมที่ชาวไทยนิยมกันเป็นส่วนมากครับ (โตเกียวบานาน่า Jaga Pokkuru ฯลฯ) ที่นี่มีขายแน่นอน แต่ระวังหมดนะครับ เพราะผมเจอคนกว้านซื้อไปทียี่สิบกล่องก็มี (ขนาดมีป้ายบอกจำกัดจำนวนต่อคนแล้วนะ) ใครที่เข้ามาถึงด้านในแล้ว แนะนำให้รีบซื้อขนมก่อนแล้วค่อยไปซื้อเครื่องสำอางหรืออย่างอื่นต่อครับ 

เมื่อซื้อของฝากกันเรียบร้อยแล้วก็ไปรอกันที่หน้า Gate เพื่อรอขึ้นเครื่องครับ ซึ่งเที่ยวบินในวันนี้ก็เป็นไปตามกำหนดเวลา ส่วนเลขไฟลท์ที่ออกวันนี้ คือ CX 549 ออกเดินทางจาก HND สู่ HKG เวลา 16:25 น. และถึงที่หมายเวลา 20:00 น.

เที่ยวบินขากลับ

ผมยังคงได้รับการบริการที่ดีเช่นเคยจากคาเธ่ย์ครับ โดยเส้นทางนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่นกับคนฮ่องกงครับ (คนไทยคนอื่นเจอน้อยมาก) บรรยากาศโดยรวมก็เหมือนขามา คือ มีจอทีวีให้ดูทุกที่นั่งเช่นเคย ส่วนอาหารที่เสิร์ฟในเที่ยวบินนี้จะเป็นข้าวไก่คล้ายๆเทริยากิซึ่งก็มีรสชาติที่ทานได้ครับ และขอย้ำอีกครั้งว่าเรายังคงขอเครื่องดื่มจากเจ้าหน้าที่ได้ตามต้องการครับ

 

เมื่อถึงสนามบินที่ฮ่องกงตอนประมาณ 20:00 น. ก็ต้องเข้าไปเปลี่ยนเครื่องแบบตอนขามาอีกครั้ง ซึ่งผมเองก็รีบเดินไปรอที่ Gate แล้วนั่งเล่น free Wifi รอดีกว่าครับ เพราะรอบนี้เปลี่ยนเครื่องแค่หนึ่งชั่วโมงกว่าเท่านั้น ก็เลยไปนั่งรอสบายๆดีกว่าครับ!

เที่ยวบินที่กลับเมืองไทยในวันนี้ก็คือ CX 617 ออกจากฮ่องกงตอน 21:30 น. และมีกำหนดถึงเมืองไทยตอน 23:25 น. ซึ่งก็ออกตามกำหนดเวลาครับ! เมื่อเข้าไปนั่งแล้วก็อารมณ์เดิมเลย แต่ไฟลท์นี้เสิร์ฟอาหารให้อีกหนึ่งมื้อ ผมเลือกเป็นพาสต้าครับ เลี่ยนไปนิดแต่ก็แก้หิวได้เป็นอย่างดีเลยครับ ส่วนไฟลท์นี้ผู้โดยสารชาวไทย "เพียบ" เลยล่ะ ยังไงผมขอแนะนำว่า ถ้าใครมีถุงช็อปปิ้งมาจากญี่ปุ่นด้วย ก็ซีลให้ดีและทำสัญลักษณ์อะไรไว้ด้วย กันคนหยิบเนียนและหยิบมั่ว!!! ^^

เที่ยวบินขากลับนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับผมครับ อาจจะเป็นเพราะงีบหลับไปด้วยราวๆชั่วโมงนึง ตื่นมาอีกทีเครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเสียแล้ว และหลังจากที่กัปตันประกาศให้รัดเข็มขัดได้ไม่นานเครื่องบินก็แลนดิ้งอย่างปลอดภัยที่สนามบินครับ!

อย่าลืมชาร์จแบตมือถือให้เรียบร้อยก่อนลงจากเครื่องนะครับ ไหนๆก็มีที่ชาร์จควรเตรียมให้เรียบร้อยดีกว่า!

สุดท้ายเมื่อรับกระเป๋าแล้วผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยผมก็เดินทางกลับบ้านและเก็บเงินเก็บทองตั้งตารอทริปต่อไป! สำหรับในส่วนของการรีวิวก็จบเพียงเท่านี้ จากนี้ไปจะเป็นการสรุปครับ!

 สรุป

การเดินทางกับสายการบิน Cathay Pacific ในเส้นทางโตเกียวช่วงหน้าร้อนครั้งนี้ แม้ว่าราคาตั๋วที่จ่ายไปจะแอบแพงกว่าช่วงปัจจุบันนี้ (ปี 2017) ก็ตาม แต่โดยรวมผมถือว่ายังรับได้ครับ การบริการโดยหนุ่มสาวฮ่องกงและลูกเรือไทยถือว่าเป็นไปตามมาตรฐาน คือ ยิ้มบ้างพอประมาณ ขอน้ำแล้วไม่ลืมเอามาให้ (บางสายการบินมีขอแล้วลืมนะครับ ลืมไปจนเครื่องลงก็มี) ส่วนการตรวจดูความปลอดภัยก็ค่อนข้างเข้มงวดพอสมควร กระเป๋าหรือสัมภารกจะวางเกะกะไม่ได้ บางทีแอร์สาวลุยเก็บให้บนที่เก็บของเหนือศรีษะเองเลยในบางครั้งด้วยซ้ำ ที่สำคัญ "รอบนี้ไม่ Delay สักขา" (ปกติคาเธ่ย์จะ Delay บ้างเป็นปกติครับ) ทั้งนี้ ผมจะขอแยกคะแนนส่วนตัวเป็นข้อๆ ตามนี้ก็แล้วกัน 

1. เวลาบินของทริปนี้ : โดยรวมผมชอบบินหัวค่ำถึงญี่ปุ่นเช้านะครับ (แต่ผู้สูงอายุบางท่านจะไม่ชอบไฟลท์แบบนี้เพราะนอนไม่หลับบนเครื่อง ลงมาเที่ยวๆๆก็อิดโรยง่ายหน่อย พาลจะทำให้วันแรกไมสนุกและอารมณ์บ่จอยนัก) ดังนั้น คะแนนเต็ม 5 ในส่วนนี้ ผมให้ 4.5 ไปเลย หักนิดหน่อย เพราะขาออกจากกรุงเทพมัน 18:50 น. ถ้าออกสัก "ทุ่มครึ่ง" น่าจะดี คนทำงานจะได้มีเวลาหายใจหน่อยเพราะเดี๋ยวนี้วันไหนกรุงเทพฯรถไม่ติดผมต้องแทบจุดธูป ยิ่งหน้าฝนนะ คุณเอ๊ยยยยย ลาครึ่งวันมารอที่สนามบินเห๊อะ!!!

2. อาหาร : ทานได้ แต่ยังไม่โดนเท่าหลายๆสายการบิน คะแนนเต็ม 5 เอาไป 3 พอครับ จริงๆเที่ยวบินจากญี่ปุ่น อาหารควรดีกว่านี้นะ

3. Inflight Entertainment : เต็ม 5 เอาไป 4.5 คะแนน ผมว่าหนังมีให้เลือกพอสมควร มีเพลงญี่ปุ่นให้ฟังด้วย (ดีใจสุดๆ) แต่ใครติด "ซับไทย" ก็เสียใจด้วยครับ ขนาดซับอังกฤษยังยาก! หนังไทยก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ถ้ากลัวเซ็งก็โหลดหนังใส่อุปกรณ์ของท่านมาก็แล้วกันเน้อ! ส่วนตัวผมโอเคครับ ฟังได้อยู่ (ถ้าหนังฮ่องกงมันจะมีซับสองภาษาคือ อังกฤษกับจีนกลางด้วยนะ ช่วยได้เยอะ)

4. การบริการจากเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินและบนเครื่อง : ส่วนตัวก็เห็นว่าโอเค ให้ 4.5 เต็ม 5 ภาคพื้นดินอาจจะไม่ยิ้มแย้มมากแต่ก็คุยดี รู้เรื่องและตอบคำถามเบสิคได้ ส่วนบนเครื่องก็ดีนะ ส่วนช่วงเส้นทางที่ไป/กลับไทย คุณจะอุ่นใจที่มีลูกเรือชาวไทยบินมาด้วยครับ! เรื่องภาษาก็พอจะผ่อนคลายไปสักหน่อยล่ะนะ ส่วนปัญหา Overbooking ผมยังไม่เคยเจอ จึงไม่มีการหักคะแนนครับ

5. Airport Facilities ที่ฮ่องกง : เอาไป 4 เต็ม 5 เพราะให้ Free Wifi และมีร้านรวงให้เลือกเดินฆ่าเวลาเยอะ แถมมีตู้กดน้ำฟรีอีกต่างหาก เสียอย่างเดียวที่ต้องตัดคะแนน คือ "อาหารแพง" เตรียมไว้อย่างต่ำ 500 บาทก็แล้วกัน ถ้าจะกินให้อิ่มหน่อย ส่วนร้านอาหารมีเยอะครับ ทั้งฟาสต์ฟู้ดชื่อดังไปจนติ่มซำหรือเกี๊ยวน้ำ (ซึ่งผมว่าอร่อยนะ แต่แพง) ก็เชิญเลือกกันได้ตามชอบเลย

สุดท้าย "ราคา" บินหน้าร้อนทริปนี้ เสียเงินค่าตั๋วไป 18,500 บาทถ้วน โอเค! หลายๆคนคงบอกว่า "แพง" แต่คุณต้องเข้าใจก่อนว่า "สมัยนั้นป้าเอื้องยังไม่ขยันออกโปรหมื่นห้านะจ๊ะ ไปเมืองหลวงท่องไว้เลย สองสองเก้าร้อย ได้ราคานี้ถือว่าดีมากแล้ว" ส่วนราคาที่โอทารุไปเช็คให้ในปัจจุบัน (มิถุนายน 2017) เอาแบบไฟลท์ที่ผมบินเป๊ะๆเลยนะ ก็ประมาณ 16,xxx บาท ครับ แต่บางท่านอาจได้ราคาที่ราวๆ 13,xxx บาทก็มีเช่นกัน ของยังงี้คงต้องบอกว่า "แล้วแต่ความพอใจและมือไวใจพร้อมจ่ายไหม"

และท้ายที่สุดจริงๆ ถามว่า Cathay Pacific ดีไหม ผมก็ขอสรุปในมุมมองและประสบการณ์ที่ผมได้รับจากการบริการสายการบินนี้มาหลายๆครั้ง (เคยใช้บินไปที่อื่นด้วย ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่น) ว่า "Cathay Pacific ยังไม่เคยทำวีรกรรมให้ผมขยาดที่จะขึ้นบินอีก ดังนั้นผมยังยินดีเป็นผู้โดยสารต่อไปครับ" สั้นๆเท่านี้แหละ! แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้าครับ!

ส่งท้ายด้วยภาพจากสนามบินนาริตะขามาครับ!

ของแถม : สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบอกเลยว่า ก่อนหน้านี้ผมก็ได้รีวิว บิน Cathay Pacific สู่โอซาก้าไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ใครอยากอ่านต่อก็สามารถคลิกได้ที่ Link นี้เลยครับ http://www.ilovejapantours.com/th/blog/review-cathay-pacific-sakura-kansai

---------------------------------------------------------------------------------

ที่มาของภาพปก http://jobsatcathaypacific.com/assets/img/cabincrew/banner_960x366_home1.jpg

**ภาพที่เหลือทั้งหมดที่มีลายน้ำเป็นของโอทารุ ห้ามผู้ใดนำไปใช้หรือแอบเซฟไปโดยไม่ขออนุญาตครับ

---------------------------------------------------------------------------------

ติดต่อโอทารุผู้เขียนบล็อกนี้ได้อย่างไร?

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากสอบถาม --> เชิญ add friend ทาง Facebook ครับ พิมพ์คำว่า Otaru Taichou ในช่องค้นหา เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเข้าไป add เองครับ

 

 

ศาลเจ้าแห่งการเรียนกลางเมืองโอซาก้า
Unseen Osaka กลางย่านนัมบะที่แสนคึกคัก!